957 : .+* เปิดตำนานแห่งเวทมนตร์ *+.
|
ใครบางคนจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม...ว่าพ่อมดแม่มด และ เวทมนตร์นั้นมีอยู่จริง หากใครได้อ่านตำนานนี้อาจสนใจเรื่องเวทมนตร์ขึ้นมาบ้างก็ได้...
เล่นแร่แปรธาตุ
คืออะไร? :
วิธีที่พวกพ่อมดใช้เพื่อเปลี่ยนสารชนิดหนึ่งไปเป็นอีกชนิดหนึ่ง
ที่ไหนและเมื่อไหร่ :
ศิลปะการเล่นแร่แปรธาตุตกทอดมาจากศตวรรษแรกของอียิปต์ และอาหรับสู่กรีก และโรมันและท้ายสุดก็มาสู่ตะวันตกและยุโรปตอนกลาง
สรรพคุณ :
พวกพ่อมดเชื่อว่าการเล่นแร่แปรธาตุสามารถเปลี่ยนโลหะให้เป็นทองได้ ทั้งพวกเขายังเชื่ออีกว่าการเล่นแร่แปรธาตุอาจทำให้มีสุขภาพดีและมีชีวิตเป็นอมตะ
รู้หรือไม่? :
ทองเป็นโลหะมีค่าที่ถูกนำมาใช้กับเรื่องของเวทมนตร์ พ่อมดจะนำทองกับเงินมาใส่ไว้ในคทาวิเศษเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้คทา และนำมาซึ่งความร่ำรวย และความเคารพยำเกรง
เรื่องเล่า :
แนวคิดเกี่ยวกับการเล่นแร่แปรธาตุก็คือ พ่อมดสามารถนำสารชนิดหนึ่งมาลดทอน ให้เหลือเพียงส่วนประกอบพื้นฐาน ก่อนจะทำให้อยู่ในรูปของสารบริสุทธิ์ พ่อมดบางคนอาจทำทุกขั้นตอนเพียงลำพัง เพื่อพยายามยกระดับให้ตัวเองดีกว่าคนอื่นๆ
(โลกของเราประกอบไปด้วยโลหะต่างๆ ดังนั้นมันจึงถูกนำมาเกี่ยวโยงเข้ากับการเล่นแร่แปรธาตุ)
การทำนายด้วยตัวเลข
คืออะไร? :
วิธีการที่พ่อมดนำตัวเลขมาใช้ทำนายอนาคต
ที่ไหนและเมื่อไหร่ :
บรรดาผู้วิเศษและพ่อมดใช้การทำนายด้วยตัวเลขนี้มาเป็นเวลา กว่า 2,000 ปีแล้ว
สรรพคุณ :
พ่อมดจะทำการวิเคราะห์วันที่หรือชื่อ เพื่อนำมาทำนายอนาคต และดูว่าจะมีอุปสรรคใดบ้าง ตลอดจนจะใช้อะไรมาขจัดอุปสรรคเหล่านั้น
รู้หรือไม่? :
นักพยากรณ์ที่ใช้ตัวเลขในการทำนายเชื่อว่าเลข 1-9 มีความหมายเฉพาะตัวซึ่งมีอิทธิพลต่อโลก และตัวอักษรแต่ละตัวก็จะถูกกำหนดให้มีค่าเฉพาะจาก 1-9
เรื่องเล่า :
พ่อมดยังใช้การทำนายด้วยตัวเลขในการกำหนดวันแห่งโชคเคราะห์ให้เราได้อีกด้วย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าตัวเลขประจำตัวของเราคืออะไร
(ค่าตัวเลขของอักษรแต่ละตัวถูกแทนค่าด้วยเลข 1-9)
ไม้กวาด
คืออะไร? :
ของวิเศษที่มักจะใช้ได้โดยแม่มด แต่ปัจจุบันเป็นที่รู้จักกันดีว่าพ่อมดก็ใช้ด้วย
ที่ไหนและเมื่อไหร่ :
เพิ่งจะไม่นานมานี้ที่ผู้คนเชื่อว่าแม่มดเดินทางด้วยไม้กวาด แต่ในยุคแรกๆ ผู้คนเคยเชื่อว่าแม่มดใช้สัตว์ต่างๆ อย่างแพะ วัว แกะ สุนัขบ้านหรือสุนัขป่า เป็นพาหนะ
สรรพคุณ :
แม่มดจะนำขี้ผึ้งสำหรับบินมาทาตัวและที่ไม้กวาดก่อนจะบินขึ้นฟ้ายามค่ำคืน เพื่อไปร่วมการชุมนุมแม่มด ว่ากันว่ามีเพียงเสียงระฆังโบสถ์เท่านั้นที่จะทำให้พวกแม่มดต้องลงมาจากท้องฟ้า
รู้หรือไม่? :
ในอดีตที่ผ่านมา ผู้ที่น่าจะขี่ไม้กวาดและบินไปบนท้องฟ้าได้ เป็นผู้หญิง และเมื่อผู้ชายที่จะพยายามที่จะลองบินดูบ้าง พวกเขาก็มักจะใช้คราดสำหรับครากหญ้ามาเป็นพาหนะ
เรื่องเล่า :
นักวิทยาศาสตร์คิดว่าพวกแม่มดเพียงแต่เชื่อว่าตัวเองบินได้ เพราะขี้ผึ้งที่พวกแม่มดนำมาทาตัวนั้นมีสมุนไพรที่ชื่อ แมนเดรค เป็นส่วนประกอบ ซึ่งสมุนไพรที่ว่านี้จะช่วยให้พวกแม่มดเกิดอาการเคลิบเคลิ้ม
(แมนเดรค มังค์สฮูด ไนท์เฉด สมุนไพรที่ขึ้นอยู่ตามสวนทั่วๆ ไปเหล่านี้ถูกนำมาทำเป็นขี้ผึ้งสำหรับบินของแม่มด)
แมว
คืออะไร? :
ในโลกของพ่อมด แมวถือเป็นสัตว์ที่มีความพิเศษ ด้วยพวกมันมีพลังเหนือธรรมชาติ บางครั้งพ่อมดจะแปลงตัวเป็นแมวเพื่อให้ท่องไปตามสถานที่ต่างๆ ได้โดยไม่มีใคนเห็น
ที่ไหนและเมื่อไหร่ :
ในอียิปต์ แมวเป็นสัตว์เลี้ยงของมนุษย์มาตั้งแต่ 2,000 ปีก่อนคริสตศตวรรษ แม่มดมักจะเลี้ยงพวกมันไว้ กล่าวกันว่ามันเป็นผู้ช่วยที่น่าอัศจรรย์ที่เรียกว่าแมวบริวาร ซึ่งสามารถทำตามคำสั่งที่ได้รับได้
สรรพคุณ :
ดูเหมือนแมวจะสามารถใช้เวทมนตร์และสะกดจิตได้ แม่มดอาจจะแปลงเป็นแมวได้ เชื่อกันว่าแม่มดสามารถแปลงเป็นแมวได้เก้าครั้งเท่านั้น
รู้หรือไม่? :
ในยุคกรีกโบราณ การฆ่าแมวจะได้รับโทษประหารชีวิต และเมื่อแมวในครอบครัวตายลง ทุกคนในบ้านจะต้องโกนคิ้วเป็นการไว้อาลัย
เรื่องเล่า :
บ้างก็พูดว่าแมวเป็นสัตว์นำโชค และบ้างก็ว่าถ้าแมวดำตัดหน้าจะทำให้เกิดโชคร้าย ยังมีเรื่องของแม่มดที่ขี่แมวดำท่องไปบนฟ้ายามค่ำคืนเพื่อหาสมุนไพรมาผสมยาวิเศษ
(สฟิงค์เป็นสัตว์วิเศษ ที่มักจะมีใบหน้าเป็นผู้หญิง มีลำตัวเป็นสิงโต หรือแมวป่าขนาดใหญ่ และมีปีกของนกอินทรีย์)
หม้อวิเศษ
คืออะไร? :
ของวิเศษของพ่อมด ที่จริงๆ แล้วก็เป็นหม้อทำอาหารขนาดยักษ์นั่นเอง
ที่ไหนและเมื่อไหร่ :
มีหลักฐานการใช้หม้อทำอาหารแบบนี้ย้อนกลับไปได้อย่างน้อยก็ไกลถึงยุคกรีกและโรมันโบราณ
สรรพคุณ :
ยาวิเศษส่วนใหญ่ของพ่อมดมักจะได้รับการปรุงในหม้อวิเศษ พ่อมดสามารถใช้หม้อนี้ในการทำนายอนาคต ดังนั้นหม้อจึงเป็นดังที่เก็บสะสมความรู้ทั้งมวลเอาไว้
รู้หรือไม่? :
ครั้งหนึ่งหม้อเหล่านี้เคยเป็นศูนย์กลางของบ้านทีเดียว เนื่องจากไม่เพียงแต่คนโบราณจะสามารถใช้หม้อเพื่อปรุงอาหารและยาได้เท่านั้น แต่ยังใช้หม้อในการอาบน้ำและซักผ้าอีกด้วย
เรื่องเล่า :
ครั้งหนึ่งเคยเชื่อกันว่าหม้อนั้นเป็นดั่งประตูสู่นรกอีกด้วย
(กษัตริย์ไอริชเป็นผู้นำทหารที่ไม่มีวันตาย หรือผี กลัยมาจากนรก เพื่อส่งไปทำสงคราม)
ลูกแก้ววิเศษ
คืออะไร? :
ของวิเศษที่นักมายากลและพ่อมดใช้
ที่ไหนและเมื่อไหร่ :
ดูเหมือนว่าทุกวัฒนธรรมจะมีวิธีการทำนายโดยการเพ่งกสิณ ซึ่งหมายถึงการเพ่งมองของบางสิ่งเพื่อหาคำตอบ ชาวอียิปต์ อาหรับ และเปอร์เซียจะเพ่งมองอ่างน้ำหมึก ขณะที่ชาวโรมันใช้ลูกแก้ว และชาวกรีกใช้การเพ่งกระจก สมัยก่อนเชื่อกันว่าเด็กๆ มีความสามารถด้านนี้เป็นพิเศษ
สรรพคุณ :
ว่ากันว่าลูกแก้วช่วยให้พ่อมดมองเห็นอนาคต ได้รับสารจากวิญญาณทั้งหลาย หรือมองเห็นภาพที่พวกเขาต้องการรู้
รู้หรือไม่? :
ลูกแก้วมักมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 4 นิ้ว (10 ซ.ม.) และตั้งวางไว้บนฐานที่ทำขึ้นจากไม้ดำแข็ง งาช้างหรือไม้ลังขัดเงา
เรื่องเล่า :
ลูกแก้วที่เป็นที่รู้จักกันดีเป็นของ จอห์น ดี ผู้ที่มีชีวิตอยู่ในศตวรรษที่ 16 เขาจดบันทึกสารจากวิญญาณต่างๆ ไว้เป็นจำนวนมาก รวมถึงข้อความหนึ่งซึ่งออกมาถูกต้องด้วย!
(กลุ่มพระที่มีหน้าที่ตามหาดาไลลามะองค์ปัจจุบันพบตัวท่าน โดยการเพ่งมองทะเลสาบฮอทโซในธิเบต ราวกับมันเป็นลูกแก้ว)
ถ้ำแก้ว
คืออะไร? :
ถ้ำแก้วเป็นสถานที่ที่พ่อมดเมอร์ลินเข้าไปตอนที่เป็นหนุ่ม แสงไฟสะท้อนกับผนังแก้วเกิดเป็นภาพอนาคต
ที่ไหนและเมื่อไหร่ :
เมอร์ลินเติบโตขึ้นในบริเวณที่ปัจจุบันคือประเทศเวลส์ในสหราชอาณาจักรอังกฤษ และเรื่องราวของเขาก็ย้อนกลับไปได้อย่างน้อยที่สุดก็ในศตวรรษที่ 12
สรรพคุณ :
ในถ้ำ เมอร์ลินเรียนรู้ความหมายของภาพที่เห็น การปรุงยารักษาโรคและยาพิษ และภาษาสัตว์ต่างๆ รวมถึงภาษานกด้วย
รู้หรือไม่? :
ในวัยเด็ก เมอร์ลินเป็นที่เกรงกลัวและรังเกียจของคนในครอบครัวและคนทั่วไป เนื่องจากเขาเป็นเด็กเงียบๆ ประหลาด และมีพลังแปลกๆ ซึ่งพลังเหล่านี้ พ่อมดเฒ่าชื่อ กาลาพาส ที่อาศัยอยู่ในถ้ำเป็นผู้ฝึกให้
เรื่องเล่า :
หลังจากเมอร์ลินจากไป เขาก็กลับไปที่ถ้ำแก้วเพื่อตามหากาลาพาส ใกล้ถ้ำมีเศษแก้วและกระดูกของกาลาพาสกระจายเกลื่อนอยู่บนพื้นดิน เมอร์ลินนำกระดูกไปฝังและเริ่มใช้ถ้ำนั้นเป็นที่พักอาศัยแบบเดียวกับที่กาลาพาสเคยทำ ซึ่งไม่เพียงแต่เมอร์ลินจะดูเหมือนกาลาพาสเท่านั้น เขายังได้ปัญญาของกาลาพาสมาด้วย
(เมอร์ลินไม่เคยรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับกาลาพาส)
ธาตุทั้ง 4
คืออะไร? :
ธาตุคือจิตวิญญาณของดิน น้ำ ลม และไฟ พ่อมดผสมแร่ต่างๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลที่ต้องการหรือทำให้เรื่องราวต่างๆ เป็นไป
ที่ไหนและเมื่อไหร่ :
มนุษย์เชื่อในเรื่องราวของธาตุทั้ง 4 นี้มานับพันปี
สรรพคุณ :
มนตร์วิเศษทุกชนิดจะต้องเริ่มต้นด้วยการนำธาตุทั้ง 4 มาใช้ การใช้ธาตุต่างๆ จะช่วยให้พ่อมดสามารถเรียกฝน ความอุดมสมบูรณ์ ความร่ำรวย ความรักและอื่นๆ ได้
รู้หรือไม่? :
พ่อมดจะใช้ดินเพื่อนำมาซึ่งความมั่งคั่ง สมบูรณ์ ลมจะนำมาซึ่งปัญญาหรือสัญชาตญาณ ไฟจะช่วยเพิ่มพลังพิเศษให้คาถา และน้ำจะช่วยเสริมพลังให้มนตร์ทุกชนิดที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึก
เรื่องเล่า :
พ่อมดทุกคนและอารยชนโบราณเชื่อว่าธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ สามารถกอปรขึ้นเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในโลกได้ ทั้งยังเชื่ออีกว่าความรู้ต่างๆ นั้น อยู่ในธาตุเหล่านี้ และความรู้ของมนุษย์ก็ได้มาจากธาตุเหล่านี้ เนื่องจากมนุษย์เราก็ประกอบขึ้นจากธาตุทั้ง 4 นี้เช่นกัน
(ธาตุแต่ละชนิดจะมีสรรพคุณวิเศษที่ต่างกันออกไป)
คทาวิเศษ
คืออะไร? :
แท่งไม้ แท่งดินเหนียวหรือแท่งโลหะเรียวยาวประมาณ 14-15 นิ้ว ที่พ่อมดใช้ในการร่ายมนตร์
ที่ไหนและเมื่อไหร่ :
คทาวิเศษปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกในภาพเยนโบราณบนผนังถ้ำ คทาวิเศษที่ว่านี้ใช้โดยชาวอียิปต์โบราณ ดรูอิด โมเสส และชาวกรีกโบราณ รวมถึงเมอร์ลินและคนอื่นๆ เพื่อสร้างสรรค์ในสิ่งที่น่าทึ่ง
สรรพคุณ :
คทาวิเศษใช้ในการร่ายมนตร์ทุกชนิด ตั้งแต่การปลุกวิญญาณคนตาย ไปจนถึงการเปลี่ยนฟักทองเป็นรถม้า
รู้หรือไม่? :
คทาวิเศษบางอันมีตัวอักษรพิเศษสลักไว้บนด้ามและประดับด้วยแก้วเจียระไน
เรื่องเล่า :
เฮอร์เมส เทพเจ้ากรีกใช้คทาทำให้ตัวเองล่องหน
(นักมายากลในปัจจุบันมักใช้คทาวิเศษบ่อยครั้ง อย่างตอนที่ดึงกระต่ายออกมาจากหมวกเป็นต้น)
นกฮูก
คืออะไร? :
คนสมัยก่อนเคยเชื่อว่านกฮูกเป็น 'นกของผู้วิเศษ' และพวกมันจะทำหน้าที่ส่งสารให้เหล่าพ่อมดและแม่มด
ที่ไหนและเมื่อไหร่ :
หลายชนชาติเชื่อว่านกฮูกเป็นนกที่มีมนตร์วิเศษและฉลาดมาก บางครั้งก็ว่ามันเป็นนกปิศาจ ทั้งนี้น่าจะเป็นเพราะพวกมันมักจะตื่นในเวลากลางคืน บินเงียบๆ และเป็นนักล่าเหยื่อที่เก่งกาจ
สรรพคุณ :
เชื่อกันว่านกฮูกได้รับพลังวิเศษด้านการเฝ้ามองและสามารถที่จะจดจำมนตรายาวๆ ได้ เสียงประหลาดของมันบอกให้รู้ว่าสัญญาณความตายหรือปิศาจอยู่ใกล้ๆ
รู้หรือไม่? :
ในกรีซโบราณ ผู้คนจะไปไหนมาไหนโดยมีนกฮูกเกาะอยู่บนบ่าหรือในกรง ชนพื้นเมืองอเมริกันเชื่อว่านกฮูกใจดีและชอบช่วยเหลือ
เรื่องเล่า :
ในโรมโบราณ การได้เห็นนกฮูกตอนกลางวันถือเป็นลางร้ายที่บอกว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น และวิธีเดียวที่จะป้องกันไม่ให้เรื่องร้ายๆ นั้นเกิดขึ้นก็คือการจับหรือฆ่านกฮูกนั้น
(ชนพื้นเมืองอเมริกันเชื่อว่าการพกชิ้นส่วนของนกฮูกติดตัวจะช่วยให้ผู้ที่พกมีพลังวิเศษ)
ยาวิเศษ
คืออะไร? :
เครื่องดื่มที่มีพลังวิเศษที่พ่อมดเป็นผู้ปรุงขึ้น คำว่า potion (พอชั่น) ที่แปลว่ายาพิษนั้นมาจากภาษาละตินว่า potio หมายถึงเครื่องดื่ม
ที่ไหนและเมื่อไหร่ :
ยาพิษมีที่ใช้ย้อนไปอย่างน้อยก็ในยุกกรีกและโรมันโบราณ
สรรพคุณ :
ตำนานเก่าๆ และเทพนิยายมีเรื่องราวของยานอนหลับ ยาเสน่ห์ ยาทำให้กลายเป็นคนหลงๆ ลืมๆ และยาทำให้เกิดอาการอิจฉา และยาทะเลาะวิวาท ว่ากันว่ายาบางชนิดก็ทำให้แปลงร่างได้ด้วย
รู้หรือไม่? :
ยาวิเศษบางชนิดมีส่วนผสมของเลือดค้างคาว แมลงปีกแข็งบด คางคก ขนนกหรือกิ้งก่า ตลอดจนพืชสมุนไพรต่างๆ
เรื่องเล่า :
การใช้คางคกเป็นส่วนผสมของตัวยานั้นอาจเนื่องมาจากสารที่คางคกหลั่งออกมานั้นมีฤทธิ์ในการทำให้เกิดอาการประสาทหลอนและทำให้หัวใจเต้นแรง
(เมื่อเวลาผ่านไป ยาพิษกลับมีส่วนผสมของสัตว์น้อยลงและมีสมุนไพรมากขึ้น)
ซาลามานเดอร์
คืออะไร? :
ซาลามานเดอร์เป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำเช่นเดียวกับคางคกและกบ มันเป็นกิ้งก่าขนาดเล็ก และผิวหนังของมันก็มีคุณสมบัติพิเศษที่ช่วยไม่ให้มันถูกเผาไหม้ และนั่นคือเรื่องเล่าของความคิดที่เชื่อว่ามันเป็นวิญญาณแห่งป่า
ที่ไหนและเมื่อไหร่ :
ซาลามานเดอร์ได้เป็นสัตว์วิเศษครั้งแรกในสมัยกรีกและโรมันโบราณ
สรรพคุณ :
ผู้คนเชื่อว่าซาลามานเดอร์ช่วยสกัดไฟได้ เนื่องจากเคยเห็นซาลามานเดอร์ปรากฏตัวในกองไฟหลายครั้ง ซึ่งไม่เพียงแต่มันจะสามารถมีชีวิตอยู่รอดได้เท่านั้น แต่มันยังชอบไฟอีกด้วย
รู้หรือไม่? :
ครั้งหนึ่งเสื้อผ้ากันไฟมีป้ายติดไว้ว่า 'ขนซาลามานเดอร์'
เรื่องเล่า :
ซาลามานเดอร์เป็นตัวแทนของธาตุไฟ ดังนั้นพ่อมดจึงใช้ซาลามานเดอร์หรือเอ่ยชื่อมันเพื่อเพิ่มความขลังให้คาถา นอกจากนี้พ่อมดยังใช้ซาลามานเดอร์เป็นส่วนผสมในการปรุงยาวิเศษอีกด้วย
(บางคนอ้างว่าซาลามานเดอร์มีปีกและสามารถบินได้ราวกับมันเป็นมังกรขนาดเล็ก)
ก้อนหินของผู้วิเศษ
คืออะไร? :
ก้อนหินของผู้วิเศษหรือที่รู้จักกันอีกชื่อหนึ่งว่าก้อนหินของนักพยากรณ์เป็นสิ่งที่พ่อมดทั้งหลายพยายามสร้างขึ้นจากสารพื้นฐาน
ที่ไหนและเมื่อไหร่ :
ตำนานก้อนหินของนักพยากรณ์พบเป็นครั้งแรกในศตวรรษแรกของอียิปต์
สรรพคุณ :
เชื่อกันว่าก้อนหินของนักพยากรณ์สามารถทำให้คนมีชีวิตเป็นอมตะและมีความมั่งคั่งที่ไม่มีขีดจำกัด
รู้หรือไม่? :
ทุกสิ่งที่ก้อนหินนี้สัมผัสจะเปลี่ยนเป็นทอง กล่าวกันว่าหากนำก้อนหินนี้มาบดและผสมเครื่องดื่มจะสามารถรักษาโรคต่างๆ ได้ และทำให้มีชีวิตเป็นอมตะ
เรื่องเล่า :
ในปี ค.ศ.1666 มีคนแปลกหน้าเข้ามาหานักฟิสิกส์ชาวดัชต์ชื่อ เฮลเวเทียส พร้อมด้วยผลึกแก้วใสแสงหม่นสามชิ้น คนแปลกหน้าผู้นั้นอ้างว่าผลึกแก้วเหล่านั้นคือก้อนหินของนักพยากรณ์ ไม่ช้าเฮลเวเทียสก็สามารถเปลี่ยนสีผลึกแก้วจากสีเขียวสุกสว่างไปเป็นสีแดงเลือดโดยการทำให้มันเย็นลง และเมื่อมันเย็นได้ที่สิ่งที่เขาได้กลับเป็นทองคำบริสุทธิ์
(สองในสี่ขั้นของการเล่นแร่แปรธาตุ ซึ่งได้แก่ หัวอีกา และ สิงโตแดง)
ต้นไม้พูดได้
คืออะไร? :
ต้นไม้พูดได้เป็นวิญญาณของธรรมชาติ พ่อมดจำนวนไม่น้อยพูดกับต้นไม้และสิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่
ที่ไหนและเมื่อไหร่ :
นับแต่ครั้งโบราณกาล ผู้คนรู้สึกว่าต้นไม้สามารถพูดได้ ในยุคกรีกโบราณ ผู้คนเรียกวิญญาณแห่งต้นไม้ว่า dryad (ครายแอด) ซึ่งหมายถึงนางไม้นั่นเอง
สรรพคุณ :
นางไม้ไม่ได้มีชีวิตเป็นอมตะ ชีวิตของพวกนางขึ้นอยู่กับสภาพของต้นไม้ อย่างต้นโอ๊ก ที่พวกนางสถิตอยู่ พวกนางมักอยู่อย่างสันโดษ ขี้อาย ไม่มีอันตราย และไม่เคยอยู่ห่างจากตันไม้ที่สิงสถิตเกินกว่า 3 ฟุต เชื่อกันว่าพวกนางไม้สามารถเดินหายเข้าไปในต้นไม้ได้
รู้หรือไม่? :
ว่ากันว่าเหล่าเทพเป็นวิญญาณแห่งพื้นดินที่มีพืช ต้นไม้ ป่าทั้งผืน หรือภูเขาไว้คอยดูแล
เรื่องเล่า :
บางคนเชื่อว่านานมาแล้วคนกับต้นไม้สามารถสื่อสารกันได้รู้เรื่อง ว่ากันว่าภูตจิ๋วมีชื่อเสียงในเรื่องการพูดกับต้นไม้ แต่ต้นไม้ที่พูดได้ก็มีจำนวนลดน้อยลงทุกที
(ชนพื้นเมืองอเมริกันมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับต้นไม้ที่ไม่เพียงแต่จะพูดได้เท่านั้นแต่ยังสามารถเคลื่อนที่ได้อีกด้วย!)
อ่านคำทำนายจากใบชา
คืออะไร? :
พ่อมดสามารถใช้ใบชาในการทำนายอนาคต ศาสตร์นี้เรียกว่า tasseomancy (แทสสิโอแมนซี) ซึ่ง tasseo (แทสสิโอ) หมายถึง ถ้วย mancy (แมนซี) ซึ่งหมายถึงคำทำนาย
ที่ไหนและเมื่อไหร่ :
ธรรมเนียมนี้เริ่มขึ้นในประเทศจีน ช่วงศตวรรษที่ 16
สรรพคุณ :
ใบชาจะบอกรูปร่างของสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น มันอาจจะเผยให้เห็นถึงอันตราย ความรัก ความผิดหวัง หรือการเดินทาง
รู้หรือไม่? :
ชายังเดินทางไปไม่ถึงตะวันตกจนกระทั่งในปี ค.ศ.1609 กระนั้นก็ยังไม่เป็นที่นิยมแพร่หลายจนกระทั่งช่วงกลางยุค 1800 ที่ชาได้รับความนิยมกันอย่างกว้างขวางในยุโรป
เรื่องเล่า :
แม้ในช่วงก่อนที่ชาจะเป็นที่นิยมแพร่หลายในตะวันตก ชาวโรมันโบราณก็นิยมการทำนายอนาคตด้วยการมองดูกาไวท์ที่เหลือก้นแก้ว หลังจากที่ดื่มแล้ว
(แมว หมาป่า ดอกไม้ ขวาน นี่คือสัญลักษณ์บางชนิดที่เราอาจพบเห็นได้ที่ก้นถ้วยชา และความหมายของมัน)
คางคก
คืออะไร? :
คางคกมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาพิษและปิศาจมาตั้งแต่ก่อนคริสตศักราชที่ 600 พ่อมดใช้คางคกเป็นเครื่องราง
ที่ไหนและเมื่อไหร่ :
พ่อมดและแม่มดต่างก็ถูกสอนต่อๆ กันมานานให้ใช้คางคกเป็นส่วนประกอบในการเพิ่มมนตร์ขลัง
สรรพคุณ :
คางคกอาจถูกส่งไปสร้างความปั่นป่วน ในฐานะสัตว์บริวาร มันสามารถสร้างความผ่อนคลายให้แม่มดมือใหม่ ที่อาจสร้างมันขึ้นมาเพื่อจูบ นอกจากนี้คางคกยังอาจถูกนำมาใช้ทำยาพิษและเครื่องราง
รู้หรือไม่? :
ครั้งหนึ่งพวกแม่มดเคยกระทั่งตั้งชื่อให้คางคกและจับมันมาแต่งตัวด้วยชุดเสื้อผ้าสวยๆ งามๆ
เรื่องเล่า :
เพื่อให้ล่องหน แม่มดจะต้องนำนำลายคางคกมาลูบตัว
(ว่ากันว่าหินคางคก หรือพลอยลายชนิดหนึ่ง เป็นหินนำโชค ทั้งยังเชื่อกันอีกว่าหินดังกล่าวเป็นหินที่ได้มาจากภายในหัวของคางคกแก่)
ยูนิคอร์น
คืออะไร? :
ยูนิคอร์นมีดวงตาสีฟ้า ลำตัวเหมือนม้าสีขาว และมีเขาเดี่ยวที่งอกออกมาจากหน้าผากตรงๆ เขายูนิคอร์นถือเป็นของวิเศษสำหรับพวกพ่อมด
ที่ไหนและเมื่อไหร่ :
มีหลักฐานปรากฏว่ามีการกล่าวถึงยูนิคอร์นขึ้นครั้งแรกเมื่อกว่า 2,000 ปีมาแล้วในประเทศกรีซ และเรื่องราวของมันน่าจะมาจากประเทศอินเดีย
สรรพคุณ :
กล่าวกันว่าเขายูนิคอร์นสามารถใช้เยียวยาเชื้อโรคร้ายได้
รู้หรือไม่? :
มียูนิคอร์นชนิดอื่นๆ อาศัยอยู่ในประเทศจีนและญี่ปุ่น ทั้งยูนิคอร์นบางชนิดก็สามารถตรวจจับความบริสุทธิ์และความรู้สึกผิดของผู้ที่กล่าวโทษได้
เรื่องเล่า :
ฝูงสัตว์ป่าลงมากินน้ำ แต่กลับพบว่าน้ำมีพิษ จากนั้นยูนิคอร์นก็ลงมาจุ่มเขาลงในน้ำ ทันใดนั้นน้ำก็กลับใสอะอาดดังเดิม
(นักเขียนคนหนึ่งเคยเขียนว่ายูนิคอร์นมีหัวเป็นกวาง ขาและเท้าเป็นช้าง หางเป็นหางหมู และมีเขาสีดำยาว 3 ฟุต หรือ 1 เมตร)
มนตร์หาของ
คืออะไร? :
มนตร์หาของเป็นศิลปะการหาน้ำหรือสมบัติโดยการจับกลิ่น การเคลื่อนไหวหรือเสียงจากไม้ง่ามในมือของผู้ถือ
ที่ไหนและเมื่อไหร่ :
ศิลปะโบราณ ย้อนหลังไปได้อย่างน้อยถึงศตวรรษที่ 12 และตาใบนทึกของผู้ที่ใช้วิธีนี้ที่ชื่อโทมัธ เลธกริดจ์ ปรากฏว่าเขาใช้ลูกตุ้มแทนไม้ง่าม
สรรพคุณ :
การหาของด้วยวิธีนี้มักใช้โดยชาวไร่ชาวนาในยุคแรกๆ เพื่อช่วยในการตัดสินใจว่าควรจะขุดบ่อตรงไหน แท่งไม้พิเศษอาจมีพลังที่มากกว่าปกติ ตัวอย่างเช่น แท่งไม้ที่ได้มาในคืนกลางฤดูร้อนนั้นเชื่อกันว่ามีประสิทธิภาพในการหาสมบัติมาก
รู้หรือไม่? :
ปกติแล้วแท่งไม้มักจะถูกทำให้เป็นไม้ง่าม ซึ่งเมื่อผู้ถือรู้สึกถึงแรงดึงทางด้านซ้าย มันจะหมายถึงธารน้ำใต้ดิน แต่เมื่อรู้สึกถึงแรงดึงทางขวาก็มักจะหมายถึงกระแสพลังงานที่อยู่ใต้ดิน
เรื่องเล่า :
การใช้ไม้หาของ พ่อมดจะต้องตั้งลำตัวให้ตรงที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วเดินตรงไปเรื่อยๆ พร้อมกับยกไม้ง่ามชี้ไปเบื้องหน้า และคิดถึงสิ่งที่กำลังค้นหา
(แท่งสะกดจิตยังคงมีที่ใช้ในปัจจุบันเช่นเดียวกับลูกตุ้ม ซึ่งมีที่ใช้แบบเดียวกัน จะต่างกันก็ตรงที่ใช้เพื่อตอบคำถามคนละแบบเท่านั้น)
หมวกและเสื้อคลุมพ่อมด
คืออะไร? :
พ่อมดสวมหมวกและเสื้อคลุมพิเศษสำหรับการประกอบพิธีกรรมต่างๆ และหมวกก็มักเป็นรูปกรวยคว่ำ
ที่ไหนและเมื่อไหร่ :
เป็นที่รู้กันว่าอย่างน้อยก็ย้อนกลับไปถึงยุคของดรูอิด ที่พวกพ่อมดสวมใส่หมวกและเสื้อผ้าแบบพิเศษระหว่างการทำพิธีกรรมต่างๆ
สรรพคุณ :
หมวกบางใบก็มีพลังวิเศษ อย่างการไม่เคยตกจากศีรษะของพ่อมดเลย บ้างก็จะนำโชคดีมาสู่ บ้างก็ทำให้ผู้ที่สวมใส่แลดูตลก หรือทำให้เราไม่สามารถหยุดพูดได้
รู้หรือไม่? :
หมวกทรงกรวยคว่ำ ยังมีที่ใช้กันในหมู่บ้านนักบวชบางกลุ่ม ในประเทศที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายคาธอลิก โดยนักบวชในระดับต่างๆ จะสวมใส่หมวกหรือเสื้อผ้าที่มีสีต่างกันออกไป
เรื่องเล่า? :
พวกดรูอิดมักสวมใส่เสื้อคลุมและหมวกทรงกรวยคว่ำสีขาวที่ปิดคลุมหมดทั้งศรีษะ แต่บางครั้งพวกเขาก็จะสวมใส่ชุดสีฟ้าหรือเขียว
(หมวกบางใบก็ทำขึ้นจากทองคำ ตกแต่งด้วยภาพการเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และดวงดาว)
ยังไงก็ช่วยๆ กันอ่านหน่อยละกันนะ นั่งพิมพ์ทั้งคืนเลย
ขอให้สนุกกับกาiท่องโลกแห่งเวทมนตร์ ละกันนะคะ ^ o^
|
|
Black magic wicca
2009-01-30 23:44:58 203.147.0.**
stat :
0 posts ,
0 replys
|