ข้อความ
1
|
***แพทย์เตือนอันตรายฉีดสารหน้าใส อันตรายถึงเสียชีวิต***
>>>>> สธ. 26 พ.ย. - เลขาธิการ อย.เตือนอันตรายยารักษามะเร็งฉีดเพื่อให้ผิวขาว เสี่ยงช็อคถึงกับเสียชีวิต ยืนยันยามะเร็ง "กลูตาไทโอน" ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนในประเทศไทย ผอ.สถาบั นโรคผิวหนังวอนคนไทยพึงพอใจกับผิวเหลือง ตาสีดำ ชี้มีข้อดีช่วยป้องกันมะเร็งผิวหนัง
>>> นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่าความนิยมผิวขาวใสของสังคมยุคนี้ ทำให้หนุ่มสาวรุ่นใหม่เสาะแสวงหาสารพัดวิธีที่จะทำให้ผิวขาว หลงเชื่อการโฆษณาอวดอ้างตามสื่อต่างๆ ว่ามียาหรือเครื่องสำอางทำให้หน้าขาวใส แม้กระทั่งการฉีดยารักษาโรคมะเร็งที่มีสารกลูตาไทโอนเข้าเส้นเลือด หวังผลข้างเคียงของยาไปยับยั้งการสร้างเม็ดสีที่ผิวหนัง เพื่อให้ผิวขาว
โดยหารู้ไม่ว่า การได้รับสารปริมาณมาก มีอันตรายถึงชีวิต อีกทั้งยาตัวนี้ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนยาตัวนี้ในไทย พบข้อมูลว่า ขึ้นทะเบียนที่ประเทศอิตาลีเพื่อรักษาโรคมะเร็ง ไม่มีสรรพคุณทำให้ผิวขาว
>>> "สารกลูตาไทโอนประกอบด้วยกรดอะมิโนเอซิด3 ชนิด คือ
Cysteine Glycine Glutamic acid มีหน้าที่หลักในการช่วยขจัดสารพิษจากร่างกาย ช่วยตับขับสารพิษออกจากร่างกาย โดยเฉพาะสารโลหะหนักจำพวกยาฆ่าแมลงที่ไม่สามารถละลายในน้ำ แต่ละลายในน้ำมัน เป็นสารในช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระทำงานร่วมกับวิตามินซี ช่วยซ่อมแซมดีเอ็นเอในร่างกายที่จะเปลี่ยนแปลงเป็นเซลล์มะเร็ง ยับยั้งการสร้างเม็ดสีชนิดสีเข้ม
จึงมีผู้นำผลข้างเคียงของยามาเชิญชวนคนฉีด " นพ.ศิริวัฒน์ กล่าว
และว่า หากพบการลักลอบจำหน่าย ถือว่า มีความผิดตาม พ.ร.บ.ยา ฐานโฆษณาเกินจริง
มีโทษปรับถึง 100,000 บาท นอกจากนี้ ยังเป็นการขายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
>>> ด้าน นพ.จิโรจน์ สินธวานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กล่าวว่า
ตามหลักกลไกการออกฤทธิ์ของยาตัวนี้ คือทำให้เซลล์สร้างเม็ดสีที่ผิวหนังทำงานลดลงทำให้ผิวขาวขึ้นได้ แต่ในทางปฏิบัติยังไม่มีงานวิจัยหรือผลการศึกษาใดๆ มารองรับ
ดังนั้น การใช้ยากลูตาไทโอนเพื่อหวังผลข้างเคียงทำให้ผิวขาวจึงไม่สามารถบอกได้ว่า ได้ผลหรือไม่
ระยะยาวจะมีผลเสียอย่างไร
ที่สถาบันโรคผิวหนังไม่มีการใช้ยาตัวนี้
ที่ผ่านมามีรายงานทางการแพทย์ว่า ยากลูตาไทโอนชนิดเม็ดใช้ในผู้ป่วยที่มีปัญหาการทำงานของตับ แพทย์สั่งให้รับประทานเพื่อฟื้นฟูสภาพตับทำให้ขับสารพิษได้ดีขึ้น แต่ยังไม่มีรายงานว่า กินแล้วผิวขาว
>>> ตนอยากให้คนไทย มีภูมิคุ้มกัน รู้และเท่าทันการโฆษณาอวดอ้าง
อีกทั้งอยากให้ยอมรับสภาพผิวเหลือง ตาสีดำ ถือว่าสอดคล้องกับสภาพภูมิอากาศประเทศไทยที่มีแสงแดดจัดตลอดทั้งปี
อีกทั้ง ผิวสีเข้มมีประโยชน์ ช่วยป้องกันมะเร็งผิวหนัง ขอวิงวอนคนไทยพึงพอใจกับสิ่งที่ธรรมชาติให้มา แม้จะเป็นหนุ่มสาวผิวเข้มก็สวยหล่อได้
ขอเพียงให้ผิวนั้น สะอาดเนียนใสตามธรรมชาติ ไม่ใช่หน้าขาวกระดำกระด่างเพราะสารเคมีในยา หรือเครื่องสำอางกัดลอกผิวหน้า
>>> นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา กล่าวว่า
กรณีที่มีแพทย์ผิวหนังนำสารกลูตาไทโอนมาฉีดเพื่อให้ผิวขาว ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมขณะนี้ โดยสารดังกล่าวยังไม่มีการขึ้นทะเบียนจาก อย.นั้น
ในเรื่องนี้แพทยสภาขอเวลาในการตรวจสอบข้อมูลก่อนว่า สารดังกล่าวมีการนำมาใช้ในไทยหรือไม่ และต่างประเทศใช้ในลักษณะใด หรือมีการตีพิมพ์ผลการใช้ในวารสารทางการแพทย์อย่างไร
นอกจากนี้ แพทยสภายังต้องสอบถามไปยังราชวิทยาลัยที่เกี่ยวข้องเพื่อขอความเห็นเกี่ยว กับเรื่องนี้ ซึ่งคงไม่สามารถให้คำตอบในทันทีว่าจะดำเนินการอย่างไร เพื่อ ความเป็นธรรม
ปัจจุบันต้องยอมรับว่า มียาหลายชนิดที่แพทย์นำผลข้างเคียงมาใช้กับผู้ป่วย เช่น ยาแก้แพ้ ก็มีการสั่งนำมาใช้กับผู้ป่วยที่มีอาการคันตามร่างกาย เพื่อให้นอนหลับไปและไม่คัน
- สำนักข่าวไทย -
1128 |
|
WebM@ster
ประกาศลงโฆษณาซื้อขาย ฟรี ติดต่อโฆษณา
Keep walking Cheer ...
2009-11-21 15:08:19 180.180.5.***
stat :
41 posts ,
196 replys
|
ข้อความ
2
|
อย.จู่โจมค้นคลินิกความงามชื่อดัง วุฒิ-ศักดิ์ คลินิก หลังพบใช้สารต้องห้าม กลุตาไธโอน ฉีดเข้าเส้นเลือดดำ ซึ่งจะทำให้ผิวขาวใสกว่าปกติ แต่เป็นสารอันตรายมีผลข้างเคียง โดยอย.ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนยา พบของกลางสารต้องห้าม และยึดแผ่นพับโฆษณาทำให้ผิวขาวใส แจ้ง 3 ข้อหาหนัก
แฉคลินิกอ้างสั่งมาจากบริษัทในอิตาลี แต่ตัวแทน จำหน่ายในเมืองไทยยันไม่มีการนำเข้า อีกทั้งยังไม่ผ่านมารับรองจากเมืองไทยด้วย สงสัยเป็นยาปลอมที่ระบาดหนักในแถบอาเซียน เพราะสาวๆกำลังนิยมผิวขาวใส เผย "กลูตาไธโอน" ทำให้ผิวดูขาวใสได้จริง แต่จะอยู่ได้ไม่นานก็จะกลับไปเหมือนเดิม แถมมีอันตรายถึงตายหากคนที่รับเกิดอาการแพ้
เมื่อวันที่ 27 พ.ย. ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) น.พ.ศุภชัย คุณารัตนพฤกษ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) เปิดแถลงข่าวผลการตรวจค้นสถานพยาบาล วุฒิ-ศักดิ์ คลินิกเวชกรรม สาขางามวงศ์วาน ซึ่งเปิดให้บริการฉีดสารกลูตาไธโอนเข้าเส้นเลือดดำเพื่อให้ผิวข าว ใส เหมือนดารา ซึ่งสารดังกล่าวเป็นสารผิดกฎหมาย ว่า
เมื่อเวลา 20.30 น. ของคืนวันที่ 26 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทาง อย. ได้ประสานเจ้าหน้าที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และกองการประกอบโรคศิลปะเข้าตรวจค้นวุฒิศักดิ์ คลินิก หลังจากที่พบว่ามีการโฆษณาชวนเชื่อในสื่อวิทยุ ผลการตรวจค้นพบว่ามีการกระทำความผิดถึง 3 ข้อหา แรกคือ
1.แผ่นพับโฆษณาวิธีการรักษาพยาบาลโปรแกรม เรเดียนซ์ แอนด์ ดีท็อกซิฟิเคชั่น (Radiance Detoxification) เป็นวิธีการรักษาทำให้ผิวขาวใส โดยไม่มีผลข้างเคียง ซึ่งเป็น การโฆษณาโอ้อวดเกินจริง เพราะการรักษาด้วยวิธี การฉีดสารเข้าเส้นเลือดหรือกล้ามเนื้อมีโอกาสเกิดผลข้างเคียง เช่น การแพ้ยา เป็นต้น โดยมีความผิดตามมาตรา 38 พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) สถานพยาบาล พ.ศ.2541 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท และหากยังมีการโฆษณาอยู่ จะมีโทษปรับอีกวันละ 10,000 บาท จนกว่าจะยกเลิกการโฆษณาน.พ.ศุภชัย กล่าวต่อว่า ความผิด
2.พบว่ามีการใช้ยาเตติโอนิล (Tationil) ซึ่งมีส่วนผสมของตัวยากลูตาไธโอนผสมด้วย โดยพบยาดังกล่าว 1 ขวด ขนาด 400 มิลลิลิตร ซึ่งเป็นสารที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยาจากอย. เป็นยาปลอม มีโทษผิดตามมาตรา 34(2) ผู้ดำเนินการกิจการมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ และ
3.มีการอวดอ้างว่าการรักษาเกิดจากทีมวิจัยเทคนิคการแพทย์ของตนเ องซึ่งเท่าที่มีการตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ไม่มีข้อมูลแสดงว่าการใช้ยาดังกล่าว เป็นกระบวนการที่ได้มาตรฐานและได้รับการยอมรับ และไม่มีข้อมูลเพียงพอที่ชี้ชัดความปลอดภัยในการรักษาเนื่องจาก ยายังไม่ผ่านการตรวจสอบ และไม่ได้รับการขึ้นทะเบียน ประกันคุณภาพ ความปลอดภัย จึงถือเป็นการกระทำผิดมาตรา 45 ตามพ.ร.บ.สถานพยาบาล ในการใช้ยาเวชภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้รับการรักษา ซึ่งสถานเสริมความงามต้องแก้ไขข้อความดังกล่าวให้ถูกต้องตามระย ะเวลาที่กำหนด
"ขณะนี้แจ้งความผิดให้คลินิกเสริมความงามดังกล่าวรับทราบแล้ว ส่วนการแจ้งความดำเนินคดีอยู่ระหว่างการประมวลผล คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ในเร็วๆ นี้ ซึ่งในวันนี้ได้ออกคำสั่งให้สถานเสริมความงามทุกแห่งหยุดการโฆษ ณาการรักษาด้วยเทคนิคดังกล่าว และยกเลิกวิธีการรักษาด้วยการใช้สารกลูตาไธโอนทุกแห่งเนื่องจาก เป็นกระบวนการรักษาที่ผิดกฎหมาย นอกจากนี้หากพบว่ามีผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมมีส่วนเกี่ยวข้องใน การดำเนินการก็จะส่งเรื่องให้กับแพทยสภาพิจารณาต่อไป" อธิบดีสบส. กล่าว
ด้านน.พ.ศิริวัฒน์ ทิพยธราดล เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) กล่าวว่า สารกลูตาไธโอนที่ตรวจพบนั้น ทางคลินิกเสริมความงามมีใบรับรองว่าเป็นสารที่ผลิตจากบริษัท โรช ที่ได้ขึ้นทะเบียนถูกต้องที่ประเทศอิตาลี แต่จากการตรวจสอบพบว่า บริษัท โรช ยังไม่มีการขอขึ้นทะเบียนยาดังกล่าวในประเทศไทยแต่อย่างใด ดังนั้นสารดังกล่าวจึงไม่ทราบแหล่งที่มา และแหล่งผลิตว่ามาจากที่ใด ซึ่งจากการสอบถามไปยังบริษัท โรช (ประเทศไทย) จำกัด
ได้แจ้งว่าไม่มีการนำเข้ามาในประเทศเช่นกัน และไม่เคยออกใบรับรองลักษณะดังกล่าวแต่อย่างใด จึงเป็นไปได้ว่า ยาที่มีจำหน่ายอยู่อาจเป็นยาปลอม ซึ่งขณะนี้ที่พบว่ามีการระบาดอยู่แถบอาเซียน จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อสืบหาเบาะแส และการเข้ามาในประเทศไทยได้อย่างไร ทั้งนี้ หากมีผู้ที่ได้รับความเสียหายจากการรักษาด้วยวิธีดังกล่าว สามารถร้องเรียนได้ที่ อย. สบส. และสำนักงานคณะกรมการคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.) ได้ทันที
"ขอเตือนวัยรุ่น ผู้หญิง ไม่ควรหลงเชื่อโฆษณาที่อ้างว่าสามารถช่วยให้ผิวขาวขึ้น เพราะไม่มีผลิตภัณฑ์ใดที่จะทำให้ผิวขาวขึ้นได้อย่างถาวร อาจช่วยได้เพียงชั่วคราว ซึ่งการฉีดสารดังกล่าว ร่างกายจะขับสารออกมา ร้อยละ 50 ภายในเวลา 7 นาที และส่วนที่เหลือจะถูกขับออกจากร่างกายภายในเวลา 40 นาที สารจะใช้เวลาอยู่ในร่างกายน้อยมาก จึงต้องมีการฉีดสารบ่อยๆ เพื่อให้ผิวขาวนานขึ้น แต่เมื่อหมดฤทธิ์ยาร่างกายก็ผลิตเม็ดสีตามปกติ ไม่มีผลกับโครงสร้างใดๆ ของผิวและการฉีดยาเข้าเส้นนั้นมีอันตรายมาก ผู้บริโภคที่ได้รับการฉีดสารตัวนี้อาจเกิดอาการแพ้ยา ช็อก หรือหยุดหายใจได้ "น.พ.ศิริวัฒน์กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า การจับกุมครั้งนี้อย.ได้รับรายงานจากสาย และทดลองโทรศัพท์ไปสอบถามทางคลินิกดังกล่าวที่สาขางามวงศ์วาน และสาขาอิมพีเรียล สำโรง พบว่าเจ้าหน้าที่แนะนำให้ลูกค้าสมัครทำคอร์สสารกลูตาไธโอนอยู่ และรับประกันว่าเป็นสารนำเข้าจากประเทศอิตาลี มีอย.รับรองถูกต้องตามกฎหมายด้วย จึงรวบรวมหลักฐานก่อนจู่โจมเข้าตรวจค้นดังกล่าว
1129 |
|
WebM@ster
ประกาศลงโฆษณาซื้อขาย ฟรี ติดต่อโฆษณา
Keep walking Cheer ...
2009-11-21 18:52:48 180.180.5.***
stat :
41 posts ,
196 replys
|