2009 : น้ำเริ่มลดโจรผุด-เตือนน้ำป่าซ้ำ4จว.ใต้
|
รถไฟเดิน ปกติแล้ว ปลื้มปีติ ในหลวง
จมตรัง - สภาพน้ำท่วมหนักในพื้นที่ 2 ชุมชน เขตเทศบาลนครตรัง โดยเฉพาะที่วัดพระงาม น้ำสูงกว่าครึ่งเมตร ทางจังหวัดสั่งเฝ้าระวัง เพราะน้ำจาก อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ไหลลงมาสมทบ เมื่อวันที่ 8 พ.ย.
กรมอุตุฯประกาศเตือนภาคใต้ฝนยังชุกเตือน4จังหวัดประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร-สุราษฎร์ธานี-นครศรีธรรมราช ระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก เผยหลายพื้นที่เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ ผบก.สงขลา สั่งเพิ่มสายตรวจจยย.-รถยนต์ ตรวจตราในพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมงหลังน้ำลด ป้องกันโจรกรรมเครื่องมือเกษตร-ทรัพย์สิน น้ำท่วมรางรถไฟสงขลาลดแล้ว เปิดเดินรถตามปกติ
เมื่อวันที่ 8 พ.ย. กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเตือนภัยฝนตกหนักและคลื่นลมแรง ฉบับที่ 12 ว่า หย่อมความกดอากาศต่ำปก คลุมภาคใต้ตอนกลาง เคลื่อนลงสู่ทะเลอันดามันแล้ว แต่ยังคงทำให้ภาคใต้ตอนกลางมีฝนหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนภาคใต้ตอนล่างจะมีฝนลดลง จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ลุ่มของ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากได้ในระยะนี้
สำหรับบริเวณความกดอากาศสูงที่ปก คลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง ประกอบกับ มีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมบริเวณดังกล่าว ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอน บนมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตราย ในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนาไว้ด้วย ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และ ภาคตะวันออก มีฝนเป็นแห่งๆ ในระยะนี้
สำหรับสถานการณ์ในจังหวัดต่างๆ นั้น ที่ จ.นราธิวาส แม้ฝนหยุดตกมา 2 วันแล้ว แต่ยังมีน้ำท่วมขังบ้านเรือน และพื้นที่ทางการเกษตรใน 13 อำเภอ ระดับน้ำทรงตัวสูงเฉลี่ย 1.20-2.20 เมตร แต่ในพื้นที่ลุ่มของ 8 อำเภอ คือ บาเจาะ รือเสาะ จะแนะ ระแงะ ตากใบ แว้ง ศรีสาคร และสุไหงโก-ลก ยังคงมีน้ำท่วมขังสูงขึ้นจากเดิม 30 เซนติเมตร เนื่องจากน้ำในพื้นที่สูงและในแม่น้ำสุไหงโก-ลก แม่น้ำบางนรา และแม่น้ำสายบุรี ไหลลงมาสมทบ
จากผลพวงจากการระบายน้ำท่วมขังที่ประตูระบายน้ำบางนรา ตอนบนทำให้ปลากระพง และปลาเก๋า ที่ชาวบ้านกว่า 300 ครัวเรือน เลี้ยงในกระชังคลองโคกเคียน ต.โคกเคียน และแม่น้ำบางนรา เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส พากันตายกว่า 600 กระชัง รวมหลายแสนตัว เนื่องจากน้ำจืดไหลลงมาสมทบ จนปลาในกระชังสำลักน้ำตาย ทำให้ชาวบ้านผู้เลี้ยงปลากระชังเดือดร้อนอย่างหนัก แทบสิ้นเนื้อประดาตัว เพราะอีก 2 เดือนก็สามารถจับขายในท้องตลาดได้แล้ว อีกทั้งส่วนใหญ่กู้เงินนอกระบบมาลงทุนกันทั้งนั้น จึงวิงวอนให้หน่วยราชการเร่งช่วยเหลือด้วย
ด้านสำนักงานป้องกันและบรรเทา สาธารณภัย จ.นราธิวาส สรุปความเสียหายว่า มีพื้นที่ประสบภัย 363 หมู่บ้าน 68 ตำบล 13 อำเภอ 25,393 ครัวเรือน รวม 114,235 คน บ้านเรือนเสียหาย 14 หลัง พื้นที่การเกษตรถูกน้ำท่วม 20,224 ไร่ บ่อปลาเสียหาย 28 บ่อ ถนนสายหลักและสายรอง ถูกน้ำท่วมไม่สามารถสัญจรไปมาได้ 126 สาย สะพานและคอสะพานถูกน้ำกัดเซาะเสียหาย 5 แห่ง วัด โรงเรียน มัสยิด และสถานที่ราชการ ถูกน้ำท่วม 19 แห่ง
ผลพวง - ปลาในกระชังที่คลองโคกเคียน และแม่น้ำบางนรา อ.เมือง จ.นราธิวาส ตายเป็นเบือหลายแสนตัว เนื่องจากทางการเร่งระบายน้ำที่ท่วมออกสู่ทะเล ชาวบ้านแทบสิ้นเนื้อประดาตัว เมื่อวันที่ 8 พ.ย.
สำหรับผู้เสียชีวิต 8 ศพ ที่ถูกดินเชิงเขาถล่มใส่บ้านพักเลขที่ 29 บ้านไอเจียะ หมู่ 5 ต.ซากอ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 6 พ.ย.ที่ผ่านมานั้น เจ้าหน้าที่นำรถแบ็กโฮ และใช้กำลังคนช่วยกันขุดค้นหาศพทั้ง 8 ได้หมดแล้วเมื่อค่ำวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา และทราบชื่อทั้งหมดแล้ว ประกอบด้วย นายสาและ สาแล อายุ 72 ปี, นายอาหะมะ สาแล อายุ 35 ปี, นายสาการียะ สาแล อายุ 24 ปี, ด.ช.อิลฮัม สาแล อายุ 1 ปี 9 เดือน, น.ส.ไซเคาะห์ เจ๊ะแม อายุ 35 ปี, ด.ช.อิบ รอเฮม สาแล อายุ 8 ปี, ด.ช.อับดุลเราะห์มาน สาแล อายุ 10 ปี, และน.ส.รอมือละห์ สาแล อายุ 45 ปี
ต่อมาเวลา 10.00 น. ที่หอประชุมที่ว่า การอำเภอสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส นายดิสธร วัชโรทัย ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อมเหล่ากาชาด นำถุงยังชีพพระราชทานมอบให้ชาวบ้านที่ประสบภัย จำนวน 500 ราย โดยนายดิสธร กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยพสกนิกรที่ประสบอุทกภัย
เวลา 15.00 น. ร.ต.ต.ริฎวัน มะ ร้อยเวร สภ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุพบศพในสวนเงาะ หมู่ 3 บ้านนางโล๊ะ ต.กะมะยูง อ.ศรีสาคร รุดไปที่เกิดเหตุพบศพ นายอาทิตย์ อนันต์ทนพงค์ อายุ 61 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33 หมู่ 3 ต.กะมะยูง สภาพศพไม่มีบาดแผล และพบเศษกิ่งไม้และเศษโคลน สอบสวนทราบว่า นายอาทิตย์หายจากบ้านไปในช่วงเช้าของวันที่ 6 พ.ย.ที่ผ่านมา กระทั่งพบเป็นศพ เบื้องต้นคาดเสียชีวิตจากน้ำป่าไหลหลากซัดจม
ด้าน จ.ยะลา เวลา 09.00 น. นายกฤษฎา บุญราช ผวจ.ยะลา และน.ส.องุ่น วงศ์เจริญ หัวหน้าสถานีกาชาดสิรินธร อ.ทุ่งสง จ.นครศรี ธรรมราช และคณะ นำถุงยังชีพพระราชทานมอบให้แก่ประชาชนหมู่ 2 และหมู่ 6 ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา จ.ยะลา จำนวน 75 ครัวเรือน ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม
นายกฤษฎา กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงทราบข่าวอุทกภัยใน จ.ยะลา มีชาวบ้านเดือดร้อนจำนวนมาก ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ น.ส.องุ่น นำถุงยังชีพพระราชทาน มามอบให้พสกนิกรที่ได้รับความเดือดร้อน
ต่อมาเวลา 11.30 น. ที่ริมถนนเพชรเกษม หมู่ 4 ต.ท่าสาป อ.เมือง จ.ยะลา นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย เดินทางเข้าเยี่ยมผู้ประสบภัย พร้อมทั้งมอบเครื่องอุปโภคบริโภค โดยนายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ รองผวจ.ยะลา รายงานสถานการณ์ว่า ประสบภัย 8 อำเภอ 49 ตำบล 237 หมู่บ้าน ประชาชนเดือดร้อน 9,472 ครัวเรือน 33,297 คน มีผู้เสียชีวิต 6 ราย และบาดเจ็บ 1 ราย พื้นที่การเกษตรเสียหาย 8,073 ไร่ บ่อเลี้ยงปลา 781 บ่อ สัตว์ปีก 5,547 ตัว และสัตว์เลี้ยงอื่นๆ อีก 1,674 ตัว บ้านเรือนบางส่วน 1,117 หลัง สะพาน 55 แห่ง ถนน 340 สาย ท่อระบายน้ำ 11 แห่ง โรงเรียน 8 แห่ง วัดและมัสยิด 2 แห่ง
ซับน้ำตา - มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ นำถุงยังชีพพระราชทาน แจกจ่ายให้ประชาชนผู้ประสบอุทกภัยที่ ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 8 พ.ย. โดยล่าสุดฝนหยุดตก และน้ำเริ่มลดแล้ว
นายถาวร กล่าวว่า มีเงินช่วยเหลือประชาชนจังหวัดละ 50 ล้านบาท ระดับอำเภอ 1 ล้านบาท หากไม่พอทางผวจ. สามารถนำเงินงบประมาณมาใช้ได้อีก 100 ล้านบาท
ถัดมา 13.00 น.ที่วัดยูปาราม หรือวัดยุโป ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา พ.ท.ยุทธนาม เพชร ม่วง ผบ.ฉก.ยะลา 11 นำถุงยังชีพพระราช ทาน มอบให้แก่ประชาชนที่ประสบภัย จำนวน 100 ครอบครัว โดย พ.ท.ยุทธนาม กล่าวว่า พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 ได้รับพระราชทานสิ่งของจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เพื่อนำมาช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่
ส่วน จ.ตรัง น้ำทะลักท่วม 2 ชุมชนในเขตเทศบาลนครตรัง คือชุมชนควนขนุน กับชุมชนควนขัน จำนวน 380 หลังคาเรือน น้ำสูง 30-70 เซนติเมตร ส่วนระดับน้ำที่ ต.นาโยงใต้ อ.เมืองตรัง ยังทรงตัวอยู่ที่ 30 เซนติเมตร ถึง 2 เมตร และที่วัดพระงาม ต.บ้านโพธิ์ อ.เมืองตรัง ระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นอยู่ที่ 60-90 เซนติเมตร
นายโส เหมกุล หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ตรัง กล่าวว่า จังหวัดประกาศให้พื้นที่ 6 อำเภอ 23 ตำบล 119 หมู่บ้าน เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติฉุกเฉินแล้ว ประกอบด้วย อ.รัษฎา อ.วังวิเศษ อ.ห้วยยอด อ.นาโยง อ.เมืองตรัง และ อ.ปะเหลียน มีประชาชนประสบภัยกว่า 5,000 ครัวเรือน นอกจากนี้ ยังคงเฝ้าระวัง 4 อำเภอ ที่ติดกับแม่น้ำตรัง คือ อ.รัษฎา อ.วังวิเศษ อ.ห้วยยอด และ อ.เมือง เนื่องจากน้ำจาก อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ยังคงไหลทะลักเข้ามาสู่พื้นที่ จ.ตรัง ส่วน 3 อำเภอ ที่ติดกับเทือกเขาบรรทัด คือ อ.ปะเหลียน อ.ย่านตาขาว และอ.นาโยง ยังต้องเฝ้าระวังภาวะเหตุดินโคลนถล่ม
ขณะที่ จ.สงขลา ถูกน้ำท่วม 15 อำเภอ จากทั้งหมด 16 อำเภอ เหลือเพียง อ.กระแสสินธุ์ เพียงอำเภอเดียวที่ไม่ได้รับผลกระทบ มีประชาชนเดือดร้อน 150,291 คน จาก 48,326 ครัวเรือน ในจำนวนนี้ต้องอพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัย 5,233 คน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 16,079 ไร่ ถนน 348 สาย โรงเรียน 8 แห่ง ส่วนระดับน้ำในคลองระบายน้ำ ร.1 และคลองอู่ตะเภา ที่เกรงว่าอาจจะไหลบ่าเข้าท่วมในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่นั้น เริ่ม คลี่คลายแล้ว ระดับน้ำทรงตัว และเริ่มลดลง โดยเฉพาะคลองอู่ตะเภา ติดธงเหลืองซึ่งอยู่ในระดับที่ยังปลอดภัย
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า สำหรับน้ำที่ท่วมรางรถไฟ ช่วงสถานีจะนะ กับสถานีป่าชิง ในพื้นที่บ้านทุ่งพระ หมู่ 2 ต.ป่าชิง อ.จะนะ จ.สงขลา เป็นระยะทางยาว 600 เมตร นั้น ระดับน้ำลดลง และสามารถเปิดเดินขบวนรถไฟได้ตามปกติแล้ว ทั้งขบวนรถสายยาว และขบวนรถท้องถิ่น ทั้งขาขึ้นและขาล่อง
พล.ต.ต.วิรุฬ เอี่ยมไพจิตร์ ผบก.สงขลา กล่าวว่า เพื่อไม่ให้ซ้ำเติมประชาชนที่เดือดร้อนจากน้ำท่วม ดังนั้น จึงสั่งการให้เพิ่มสายตรวจ ทั้งสายตรวจจักรยานยนต์ และรถยนต์ เข้าไปตรวจตราในพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมง หลังน้ำลด เพื่อป้องกันการโจรกรรมเครื่องมือการเกษตรและปล้นทรัพย์
ที่ จ.สตูล นายสุเมธ ชัยเลิศวณิชกุล ผวจ.สตูล และนายสมหมาย ละใบสะอาด นายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลคลองขุด อ.เมืองสตูล นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบความเสียหายจากน้ำท่วมภายในซอยวาริน และซอยหลวงลืม หมู่ 6 และ หมู่ 7 ต.คลองขุด โดยเฉพาะในซอยหลวงลืม ถนนถูกน้ำกัดเซาะจนถนนขาด ขณะเดียวกัน น้ำไหลเข้าพื้นที่ในเขตเทศบาลเมืองสตูล แล้ว ท่วมบ้านเรือนที่ชุมชนม้าขาว และชุมชนหลังห้องสมุด
ด้าน จ.พัทลุง หลังฝนตกติดต่อกันหลายวัน ทำให้ท่วมพื้นที่ 51 ตำบล 321 หมู่บ้าน ประชาชนเดือดร้อน 15,291 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรถูเสียหายกว่า 13,500 ไร่ โดยเฉพาะในพื้นที่ราบลุ่ม และริมทะเลสาบสงขลา เนื่องจากน้ำทะเลหนุน ส่วนสถาน การณ์ในพื้นที่ติดกับเทือกบรรทัด อ.ตะโหมด อ.กงหรา และ อ.ศรีนครินทร์ ที่ถูกน้ำป่าทะลักท่วมนั้น ขณะนี้เข้าสู่สภาวะปกติแล้ว แต่ประชาชนยังเฝ้าระวังต่อไป เพราะเกรงว่าจะมีฝนตกหนักอีก อาจจะทำให้เกิดน้ำป่าทะลักท่วมซ้ำ
สำหรับ จ.นครศรีธรรมราช บางพื้นที่ระดับน้ำลดลงเกือบเป็นปกติแล้ว แต่ยังมีพื้นที่หมู่ 5 และหมู่ 7 ต.เสาธง อ.ร่อนพิบูลย์ น้ำยังคงท่วมสูง โดยเฉพาะหมู่ 5 น้ำลึกถึงเอว ชาวบ้านต้องใช้เรือเป็นพาหนะในการสัญจร และนำสัตว์เลี้ยงไปไว้บนที่สูง อีกทั้งรถยนต์ขนาดเล็กไม่สามารถวิ่งผ่านได้
นายธีระ มินทราศักดิ์ ผวจ.นครศรี ธรรมราช สรุปว่า มีพื้นที่ประสบภัย 17 อำเภอ ประชาชนได้รับผลกระทบ 77,007 คน 20,191 ครัวเรือน บ้านเรือนเสียหาย 377 หลัง พื้นที่การเกษตรเสียหาย 89 ไร่ บ่อปลา บ่อกุ้งเสียหาย 197 บ่อ ถนน 193 สาย สะพานและคอสะพานเสียหาย 11 แห่ง ฝายน้ำล้น 1 แห่ง วัด 1 แห่ง ท่อระบายน้ำ 19 แห่ง คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย 24,232,714 บาท
ขณะที่ จ.ปัตตานี มีพื้นที่ประสบภัย 8 อำเภอ คือ ยะรัง หนองจิก สายบุรี ทุ่งยาง แดง กะพ้อ แม่ลาน ไม้แก่น และ เมืองปัตตานี ประชาชนเดือดร้อน 3,977 ครัวเรือน 11,336 คน พื้นที่การเกษตรเสียหายกว่า 3,000 ไร่ กระชังเลี้ยงปลาหลายร้อยกระชังเสียหาย ด้าน นายธีรเทพ ศรียะพันธ์ ผวจ.ปัตตานี ประกาศให้พื้นที่ อ.ยะรัง เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน และกำลังพิจารณาอีกหลายอำเภอ พร้อมสั่งการให้นายอำเภอ ทั้ง 12 อำเภอในพื้นที่ เฝ้าติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง
ที่มา : ขอขอบคุณ หนังสือพิมพ์ข่าวสด
|
|
|
แสนดีเจริญรุ่งเรือง
2009-11-09 09:20:39 203.155.220.***
stat :
291 posts ,
0 replys
|
