ฟรี ร้านค้า ออนไลน์ 3.128.199.162 : 27-04-24 1:38:32   
หน้าแรก siam-shop.com ค้นหาร้านค้าสมาชิก
ชื่อสินค้า  
    หมวดสินค้าของเรา            
  
 
Notebook
กระเป๋า
กล้องถ่ายรูป
กวดวิชา ติวเตอร์ ฝึกอบรม
การเกษตร
การเงิน&บัญชี
ก่อสร้าง
ของที่ระลึกจากภาพยนตร์
ความงามและสุขภาพ
คอมพิวเตอร์
จตุคาม
จักรยาน&จักรยานยนต์
ตกแต่ง ซ่อมแซม
ตั๋ว&บัตร
ตุ๊กตา&ของเล่น
ที่ดิน
ที่พัก โรงแรม รีสอร์ท
ท่องเที่ยว
ธนบัตร&เหรียญ ของสะสม
นวนิยาย
บริการถ่ายภาพ
บ้าน
ประกันภัย&ประกันชีวิต
พระ
รถ รถตู้ให้เช่า
รถยนต์ ประดับยนต์
ล้อแม็กรถยนต์
วัตถุมงคล
สัตว์เลี้ยง
สำนักงาน
สินค้า หรือ บริการทั่วไป
หนังสือ
หนังสือการ์ตูน
หนังสือคอมฯ
หนังสือออกใหม่
ห้องซ้อมดนตรี
ห้องพัก หอพัก
อาคารชุด
อาคารพานิชย์
อินเตอร์เนต
อุปกรณ์ เครื่องเขียน แบบเรียน
อุปกรณ์กีฬา
อุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์และของใช้ในบ้าน
เกมส์
เครื่องดนตรี กีตาร์ กลอง
เครื่องดนตรี คีย์บอร์ด เปียนโน
เครื่องถ่ายเอกสาร
เครื่องประดับ
เครื่องใช้ไฟฟ้า
เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย
โชว์ การแสดง
โต๊ะ เก้าอี้
โทรศัพท์&อุปกรณ์เสริม
โทรสาร
โน๊ตเพลง

  สปอนเซอร์ของเรา
   
   
   

“สนธิ”อัดรัฐเกียร์ว่างจนวิกฤติ  

 
“สนธิ”อัดรัฐเกียร์ว่างจนวิกฤติ
 
“สนธิ”อัดรัฐเกียร์ว่างจนวิกฤติ แฉเบื้องหลัง“แม้ว”ปล้นทีพีไอ
โดย ผู้จัดการรายวัน 25 พฤษภาคม 2550 23:42 น.
       "สนธิ" อัดรัฐบาล-คมช.ไม่ยอมให้ความรู้กับประชาชนจนก่อวิกฤตให้กับบ้านเมืองในเวลานี้ และที่สำคัญทำให้ในหลวงทรงทุกข์ระทม และมีพระราชดำรัสต่อศาลให้ตัดสินคดียุบพรรคด้วยความกล้าหาญ-สุจริต ขณะเดียวกันระบุไม่เคยมียุคใดที่สถาบันเบื้องสูงถูกจาบจ้วงกระทบกระเทือนมากที่สุด โดยที่รัฐบาลไม่ยอมทำอะไร พร้อมเปิดเผยแผนชั่ว ทุนสิงคโปร์-แก๊งทักษิณ เข้ายึดทีพีไอ ยัน “ประชัย”มีสิทธิทวงคืน
       

       รายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ออกอากาศทาง เอเอสทีวี คืนวันที่ 25 พ.ค. นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ดำเนินรายการ โดยในช่วงแรกได้กล่าวชี้แจงในสิ่งที่บางคนยังไม่เข้าใจว่าทำไม ในช่วงหลังจึงต้องมากล่าวโจมตี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ซึ่งนายสนธิ กล่าวว่าภายในเดือนกรกฎาคมนี้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยพูดถึง พล.อ.สุรยุทธ์ ก็จะปรากฏออกมา
       
       นายสนธิ ยังกล่าวอีกว่า รู้สึกเสียใจที่แม้กระทั่งพันธมิตรบางคนที่เคยร่วมสู้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีมาด้วยกัน ยังไม่เข้าใจมองเฉพาะปัจจุบัน โดยไม่ได้มองสถานการณ์อย่างเชื่อมโยงทั้งระบบ
       
       จากนั้น นายสนธิ ได้กล่าวถึงเรื่องสำคัญคือกรณีพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวต่อคณะตุลาการศาลปกครอง เมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยได้ยกเอาตอนท้ายของพระราชดำรัสโดยเฉพาะเรื่องการเผยแพร่ความรู้ให้กับประชาชนให้รู้มาก รู้ปัญหาหลังจากศาลได้มีการตัดสินคดียุบพรรคให้ประชาชนได้ทราบความจริง
       
       นายสนธิ กล่าวว่า ปัญหาทุกวันนี้ที่เกิดขึ้นมากมายจนทำให้พระเจ้าอยู่หัวทรงทุกข์ระทม เป็นเพราะรัฐบาลไม่ยอมให้ความรู้กับประชาชน เพราะถ้าให้ความรู้กับประชาชนให้ได้รับรู้ข่าวสารอีกด้านหนึ่งหลังการยึดอำนาจเมื่อวันที่ 19 ก.ย.แล้ว ทุกวันนี้คงไม่ต้องมีการสั่งเตรียมพร้อมเพื่อรับมือสถานการณ์วุ่นวายกันแบบนี้
       
       นายสนธิ ยอมรับว่าที่ผ่านมาหลังการยึดอำนาจได้เคยขอร้องกับ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคมช.เพื่อขอไปออกรายการทางฟรีทีวี เพื่อให้ข้อมูลข่าวสารกับประชาชนอีกด้านหนึ่ง แต่ได้ออกแค่ช่อง 11 แต่อออกอากาศได้ 10 วัน โดยไม่ได้อะไรตอบแทน มิหนำซ้ำยังต้องเสียเงินไปอีกจำนวนหนึ่ง และถูกนายกรัฐมนตรีโทรศัพท์มาสั่งระงับโดยไม่แจ้งเหตุผล เนื่องจากไปตั้งธงสมานฉันท์กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คงจะยุติความเคลื่อนไหวไม่ก่อกวน
       
       นายสนธิ กล่าวว่า แต่ทุกวันนี้ทุกอย่างกลับตรงกันข้าม เวลานี้ พ.ต.ท.ทักษิณและเครือข่ายก็ยังไม่ยอมหยุด ขณะเดียวกันไม่เคยมีครั้งใดสมัยใดที่สถาบันกษัตริย์ถูกจาบจ้วง กระทบกระเทือนมากที่สุด โดยที่รัฐบาลก็ไม่ได้ทำอะไร
       
       "ผมอยากให้ทั้ง พล.อ.สนธิ และพล.อ.สุรยุทธ์ ไปทั้งคู่ เพราะผมคิดว่าทั้ง 2 คนคือตัวปัญหาของชาติ พล.อ.สนธิ ตัวปัญหาตรงไหน ตัวปัญหาตรงที่ว่า เมื่อเข้ามายึดอำนาจแล้วไม่ตัดสินใจทำ เหตุผลก็เพราะว่าไปเชื่อว่าจะมีการประนีประนอมกันได้ ไปเชื่อว่าคุณทักษิณ ชินวัตร ให้สัญญาแล้วเราอย่าไปรังแกเขามากจนเกินไป ปัญหาไม่ใช่รังแกหรือไม่รังแก ปัญหาคือ เราจะทำสิ่งที่ผิดให้มันถูกหรือเปล่า เราจะเอาธรรมนำหน้าหรือเปล่า ปัญหามันอยู่ตรงนั้น ปัญหาว่าเราต้องการสังคมไทยให้มีศีล มีธรรม ให้มีจริยธรรม หรือเปล่า " นายสนธิ กล่าวและว่าที่ผ่านมาถูกกลั่นแกล้งต่างๆนานา ถูก พ.ต.ท.ทักษิณ และเครือข่ายฟ้องเพื่อต้องการหยุดหรือเพื่อต้องการให้เข้าคุกให้ได้ แต่ก็ไม่เคยร้องขอความเห็นใจจากใคร
       
       นายสนธิ เผยว่า ที่ผ่านมาเคยมีคนยุให้ตั้งเวทีประชันกับพีทีวี ซึ่งรู้ว่านั่นเป็นกลลวง เพื่อต้องการหาเรื่องเพื่อจะกวาดให้หมด ดังนั้นสิ่งที่ทำต่อไปนี้คือพลังของประชาชนเท่านั้นที่จะช่วยประเทศชาติได้
       
       ในช่วงท้ายเบรกแรกของรายการ นายสนธิ ได้อัญเชิญพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ต่อคณะตุลาการศาลปกครองเมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา ที่ทรงสรุปสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้กระทบพระราชหฤทัย โดยเฉพาะในคดียุบพรรคที่กำลังจะเกิดขึ้น อันเนื่องจากกำลังมีการระดมคนที่ไม่รู้เรื่องราว หรือต้นสายปลายเหตุให้เข้ามา โดยทรงเรียกร้องให้ศาลมีความกล้าหาญ สุจริตด้วยความเป็นธรรม
       
       นายสนธิ ได้เห็นด้วยกับคำพูดของ นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรีที่บอกว่าจะต้องพิจารณาตามข้อเท็จจริง ถ้าพรรคไหนผิดก็ต้องยุบ พรรคไหนไม่ผิดก็ไม่ต้องยุบ ไม่ใช่ว่ายุบพรรคนี้แล้วก็ต้องยุบอีกพรรคด้วยเพื่อให้เกิดความเท่าเทียมกัน
       
       "ผมอยากให้ศาลใช้ความกล้าหาญ และตัดสินทุกเรื่องด้วยความสุจริต อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ถ้าเรากลัวการเกิดเรื่อง แล้วตัดสินใจผิดๆ ไม่ได้ตัดสินใจบนพื้นฐานของนิติธรรม ความถูกต้องของกฎหมาย และความถูกต้องในสิ่งซึ่งเราสู้มานั้น เราอย่าอยู่เลยครับสังคมนี้ ก็ที่เราสู้กันมาตลอดนี่เราต้องการสู้ให้มันถูกต้อง ถ้าคนมาเรียกร้อง มากดดัน เราต้องให้กำลังใจศาล เป็นเพียงแต่ขอศาลอย่างเดียว อย่าตัดสินใจเพราะถูกกดดัน แต่ตัดสินใจให้เป็นไปตามเนื้อผ้า" นายสนธิ ระบุ
       
       **แฉแผนชั่วสิงคโปร์-แก๊งทักษิณฮุบทีพีไอ
       

       ในช่วงที่ 2 ของรายการ นายสนธิ กล่าวถึงที่มาที่ไปของการที่นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ออกมาเรียกร้องทวงบริษัททีพีไอกลับคืน หลังจากถูกยึดและเปลี่ยนชื่อมาเป็นไออาร์พีซี ในปัจจุบันว่า ในช่วงนี้ นายประชัยมักถูกป้ายสีว่าอยู่เบื้องหลังเหตุวุ่นวายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการวางระเบิด การพบระเบิดที่ห้องพักของนายสมพงษ์ อินทร์งาม และพยายามโยงมาถึงเอเอสทีวีที่ได้รับการสนับสนุนจากบริษัททีพีไอโพลินของนายประชัย ซึ่งการเชื่อมโยงเรื่องต่างๆ แบบนี้ เป็นวิธีการที่ใช้ไม่ได้ของคนที่พยายามกลั่นแกล้งใส่ร้ายนายประชัย
       
       นายสนธิ กล่าวว่า เป็นสิทธิอันชอบธรรมของนายประชัยในการทวงทีพีไอคืน เพราะเป็นธุรกิจที่ตระกูลเลี่ยวไพรัตน์สร้างขึ้นมากับมือ หลังจากบิดานายประชัยอพยพจากจีนเข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทยเริ่มจากการค้าขายพืชไร่และรู้จักกับนายชิณ โสภณพนิช อดีตเจ้าของธนาคารกรุงเทพฯ และได้ขยายไปทำธุรกิจปศุสัตว์-อาหารสัตว์ในนามเบทาโกร และทำสุราแม่โขง กับกระตูลเอี่ยมสกุลรัตน์ รวมทั้งธุรกิจอื่นๆ อีกมากมาย ก่อนที่จะเลิกทั้งหมดทั้งที่ทำกำไรมหาศาล เพราะย่าของนายประชัย ไม่อยากให้ทำธุรกิจที่เกี่ยวกับอบายมุข หรือฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
       
       ต่อมาตระกูลเลี่ยวไพรัตน์จึงหันมาทำธุรกิจปิโตรเคมี ในปี 2521 ได้ตั้งบริษัทอุตสาหกรรมปิโตรเคมิกัลไทย จำกัด หรือทีพีไอ ตั้งโรงงานที่จังหวัดระยอง โดยมีนายประมวล เลี่ยวไพรัตน์ น้องชายประชัย ที่เรียนจบปริญญาเอกด้านปิโตรเคมีจากเอ็มไอทีเข้ามาช่วย และได้ลงทุนทำสาธารณูปโภคเองทุกอย่างเอง เนื่องจากรัฐบาลยังไม่มีแผนพัฒนาทางด้านนี้ ต้องลงทุนปากกัดตีนถีบเอง และขณะนั้นประเทศไทยยังไม่มีใครทำธุรกิจด้านนี้ มีแต่ที่สิงคโปร์ ซึ่งสิงคโปร์กลัวจะเป็นคู่แข่งจึงหาทางกลั่นแกล้ง
       
       ตอนนั้น ทีพีไอได้สร้างโรงกลั่น โรงงานเม็ดพลาสติก สร้างโรงไฟฟ้าเอง และท่าเรือน้ำลึกรองรับเรือได้ขนาด 3 แสนเมตริกตัน เทียบกับท่าเรือมาบตะพุด ที่รองรับแค่ 4 หมื่น ท่าเรือสิงคโปร์รับได้แค่ 1.5 แสนตัน การลงทุนของทีพีไอ ต้องการทำให้เป็นโรงงานใหญ่ที่สุดในเอเชียอาคเณย์ และนายประชัยเชื่อมั่นว่าไทยต้องเป็น 1 ใน 5 เสือของเอเชีย โดยจะต้องมีอุตสาหกรรมปิโตรเคมี
       
       สิงคโปร์จึงหาทางแก้แค้น ในสมัยรัฐบาลนายอานันท์ จึงมาล็อบบี้ไทย เพื่อเปิดการค้าเสรีอาเซียน เพื่อให้ผลผลิตปิโตรเคมีจากสิงคโปร์เข้ามาขายในไทยโดยไม่ต้องเสียภาษี เพื่อฆ่าทีพีไอ ซึ่งต่อมาก็มีการยกเลิกภาษีปิโตรเคมี แต่นายประชัยก็บ้าดีเดือด กู้เงินต่างประเทศมา 3 พันล้านเหรียญ ขณะที่ค่าเงินบาทอยู่ที่ 25 บาทต่อเหรียญ คิดเป็นเงิน 7.5 หมื่นล้าน เพื่อนำมาสร้างโรงงานทีพีไอให้ครบตามแผน ซึ่งต่างชาติก็ให้กู้เพราะมองเห็นความสามารถของตระกูลเลี่ยวไพรัตน์ และเห็นศักยภาพของธุรกิจ
       
       เมื่อได้เงินมา พีทีไอได้ขยายกำลังผลิตของโรงกลั่น เป็น 1.5 แสนบาร์เรลต่อวัน ซึ่งในนณะนั้นใกล้จะถึงวิกฤติการเงินปี 2540 พอดี มีการเข้ามาโจมตีค่าเงินบาท และนายประชัยได้รับการติดต่อจากนายจอร์จ โซรอส ให้ร่วมกันโจมตีค่าเงินบาท โดยนายโซรอสบอกว่ามีกิจการโทรคมนาคมแห่งหนึ่งมาร่วมแล้ว และมีอีกคนคือนายริชารฺ์ด ออง ชาวมาเลเซียเชื่อชาติจีน มาชวนประชัยเล่นค่าเงิน ซึ่งคนที่มีศักยภาพระดับนายประชัยถ้าจะเล่นเพื่อเอาเงินเข้ากระเป๋าก็ทำได้ แต่นายประชัยเห็นว่าจะเป็นการทำลายประเทศชาติ จึงไม่ทำ และปฏิเสธไป
       
       นายสนธิกล่าวต่อว่า เมื่อรัฐบาลพล.อ.ชวลิต ปล่อยลอยตัวค่าเงินบาท ทำให้ค่าเงินบาทลดจาก 25 ลงไปถึง 50 กว่าบาทต่อดอลลาร์ หนี้ของนายประชัยจึงเพิ่มจาก 7.5 หมื่น เป็น 1.5 แสนล้านบาทา ขณะที่บางคนทำเงินเข้ากระเป๋ามหาศาล แล้วเอาเงินจำนวนนั้นมาเล่นการเมือง และคนที่รู้เรื่องการลอยตัวค่าเงินบาทขณะนั้น ทั้งนายทนง พิทยะ นายโภคิน พลกุล ก็ได้มาเป็นรมต.สมัยพ.ต.ท.ทักษิณทั้งสิ้น
       
       นายสนธิกล่าวอีกว่า มาถึงรัฐบาลนายชวน หลีกภัย นายประชัยก็โชคร้ายซ้ำสอง เมื่อนายธารินทร์ นิมานเหมินท์ รมว.คลังขณะนั้นเชื้อเชิญต่างชาติ โดยเฉพาะสิงคโปร์เข้ามาเป็นเจ้าของธนาคารในประเทศไทย และที่สำคัญคือ ธ.กรุงเทพฯ เจ้าหนี้ของทีพีไอ ซึ่งมีหน่วยลงทุนของรัฐบาลสิงคโปร์ คือ จีไอซี เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ธนาคารกรุงเทพฯ จะทำอะไรต้องขอนุญาตจีไอซีก่อน
       
       เมื่อธนาคารกรุงเทพฯ มีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นสิงคโปร์ ซึ่งเกลียดนายประชัย และต้องการล้มทีพีไอ ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อของนายประชัยกับ กับนายชิณ ก็ไม่มีความหมาย ประกอบกับพ.ร.บ.ล้มละลายที่ออกมาในสมัยนายธารินทร์ กำหนดให้เจ้าหนี้เป็นคนบริหารแผนฟื้นฟูกิจการ แทนที่จะให้ลูกหนี้ทำแผนแล้วให้ศาลชี้ขาดเหมือนของอเมริกา ซึ่งเมื่อให้เจ้าหนี้บริหาร เจ้าหนี้ก็มีแต่จะจ้องยึดเอาทรัพย์สินมาขาย
       
       นายประชัยพยายามเสนอบริหารแผนฯ เอง ซึ่งคุยกันรู้เรื่อง แต่เมื่อลงคะแนน โดยการกำกับของสิงคโปร์ที่ถือหุ้นใหญ่ในธนาคารกรุงเทพฯ นายประชัยจึงแพ้ และให้บริษัท อีพีแอล มาเป็นผู้บริหารแผน เข้ามาทำการสูบเงินไปจากทีพีไอ ยิ่งกว่าการปล้น ซ้ำยังหาทางยึดทีพีไอด้วยการลดกำลังผลิตของโรงกลั่นเหลือครึ่งเดียวทั้งที่การผลิตเต็มกำลังก็สามารถขายได้หมด มีการตัดขายกิจการที่ครบวงจรของทีพีไอ ปิดท่าเรือน้ำลึก ทุกอย่างต้องเช่าหมด ทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่ม ขณะที่รายได้ลด ทำให้ราคาหุ้นตกเพื่อเข้ามาซื้อในราคาถูก
       
       สรุปแล้วอีพีแอลเข้ามาบริหาร 2 ปี 5 เดือน ใช้เงินไป 1,779 ล้านบาท ขณะที่การประนอมหนี้นั้น ทีพีไอเป็นกิจการเดียวที่ผ่านการประนอมหนี้โดยไม่ได้ลดหนี้เลย ดอกเบี้ยก็เท่าเดิม แล้วผู้บริหารแผนก็เอาดอกเบี้ยแปลงเป็นหุ้น เพื่อกีดกันนายประชัยออก จนวันที่ 22 เม.ย.2546 นายประชัยฟ้อง ศาลไล่อีพีแอลออกไป ให้ประชัยกลับมาบริหาร เพิ่มกำลังผลิต 1.5 แสนบาเรลต่อวัน
       
       แต่ต่อมาไม่นาน เมื่อพ.ต.ท.ทักษิณต้องการเข้ามาทำธุรกิจพลังงาน จึงหาทางเข้ามายึด โดยการตั้งคนของตัวเองเข้ามาเป็นบอร์ดทั้ง 5 คน แทนที่จะเป็นตัวแทนเจ้าหนี้กับลูกหนี้ฝ่ายละ 2 คน และตัวแทนกระทรวงการคลัง 1 คน โดยมีพล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ คนใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นประธาน รับเงินเดือนๆ ละ 1 ล้านบาท จ่ายเงินให้บริษัทของตัวเองอย่างมีเงื่อนงำ และหาทางสูบเงินจากทีพีไอหลายวิธี รวมทั้งให้ ปตท.มาซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำกว่า book value บอร์ดชุดพล.อ.มงคลทำอยู่ 1 ปี 5 เดือน ใช้เงินไป 1,185 ล้าน
       
       ต่อมา นายประชัยได้ติดต่อ CITIC จากจีนมาซื้อหุ้น และเตรียมเงินไว้แล้ว 1.3 แสนล้านบาทเพื่อเข้ามาซื้อ พ.ต.ท.ทักษิณถึงกับเดินทางไปจีนเอง เพื่อบอกผู้นำระดับสูงของจีนว่าอย่าให้ CITIC เข้ามาซื้อ เพราะเขาต้องการเอาไว้เอง เป็นเรื่องที่ฮืฮามากในเมืองจีน และเมื่อกลับมายังบอกว่าแบงก์ไหนให้นายประชัยกู้ อย่ามาเหยียบกระทรวงการคลังอีก
       
       นายสนธิ กล่าวว่า นายประชัยผิดตรงไหน ที่ร้องขอทีพีไอคืน พล.อ.สุรยุทธ์ ก็รู้จักนายประชัยดี และเคยพูดก่อนว่าถ้าได้เป็นนายกจะให้ความเป็นธรรมกับนายประชัย แต่เมื่อนายประชัยยื่นขอความเป็นธรรม พล.อ.สุรยุทธ์ส่งเรื่องไปกระทรวงการคลัง พล.อ.มงคลก็ไปวิ่งกับหม่อมอุ๋ย เรื่องก็เงียบ เมื่อนายฉลองภพ สุสังกรณ์กาญมาเป็น รมว.คลังก็บอกว่า ไปหาซื้อเอาในตลาดหุ้น
       
       “พ่อแม่พี่น้องครับ เราจะตำหนิคุณประชัยได้ไหม ที่เขาสู้เรื่องนี้ เราจะตำหนิได้ไหมที่เขาจำเป็นที่จะต้องออกมาโวยวาย เราไม่เคยให้ความยุติธรรมกับเขา เขาเป็นนักอุตสาหกรรมทีเริ่มอะไรบ้างอยากในประเทศไทยที่ไม่เคยมีใครเริ่ม และกล้าเริ่ม เขาโดนการเมืองระหว่างประเทศแกล้ง เพราะสิงคโปร์ไม่อยากให้ประเทศไทยมีอุตสาหกรรมปิโตรเคมีคัล เขาอาจเป็นคงโผงผาง พูดจาตรงไปตรงมา เขาเป็นคนซึ่งรักษาสิทธิ์ของเขา เขาบอกนี้มันของผม เอาไปได้อย่างไร”
       
       นายสนธิ กล่าวต่อว่า พวกกรรมการทั้งหลายในไออาร์พีซีไม่ว่าจะเป็นพล.อ.มงคล อัมพรพิสิษฎ์ และอีกหลายๆ คน อายบ้างหรือเปล่า ที่ไปนั่งตรงนั้น รู้หรือเปล่า นั่งอยู่บนสมบัติ เอามาจากเขาอย่างไม่ชอบธรรม
       
       “ลำพังแค่การจะมาซื้อเป็นหุ้นส่วนคุณประชัย โดยซื้อหุ้นราคา 5.50 บาท แล้วคุณใช้อำนาจทางการเมืองเดินทางไปประเทศจีน ไปบีบบังคับให้รัฐบาลจีนเขาสั่งหน่วยงานเขาให้ถอนตัวเนี่ย มันก็สุดจะทุเรศอยู่แล้ว ผมนึกไม่ถึงว่ามีลักษณะแบบนี้เกิดขึ้น ทำไมผมต้องเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง ที่ผมต้องเล่าเรื่องนี้ให้ฟังก็เพราะว่า ตำนานแบบนี้เนี่ย ถึงเวลาแล้วที่ประชาชนคนไทย แล้วพ่อแม่ทั้งหลายรู้ความจริงเสียที ฟังผมพูดซิ หลักฐานมีหมด”
       
       “คุณประชัย คิดไม่ผิดหรอก ที่เขาสนับสนุนเอเอสทีวี เพราะเอเอสทีวี นั้นกล้าพูดความจริง แล้วคุณประชัยก็รู้ ว่าวันหนึ่งเนี่ยถ้าคุณประชัยทำอะไรผิด ทำลายสิ่งแวดล้อม ถ้าคุณประชัยทรยศต่อชาติ บ้านเมือง ไม่สำคัญหรอก คุณประชัยสนับสนุนเอเอสทีวี มากน้อยแค่ไหนก็ตาม ผมก็จะลุกขึ้นมาต่อต้านคุณประชัยเช่นกัน
       
       “คุณผู้ชมครับ คนๆหนึ่ง ครอบครัวหนึ่ง หนีจากกิจการที่ผิดศีลผิดธรรมมาทำกิจการที่ส่งเสริมในประเทศไทยก้าวหน้าไปสู่อุตสาหกรรมยุคใหม่ สู้มาด้วยความรู้ความสามารถของตนเอง สู้มาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง เจอภัยเศรษฐกิจที่ไม่ใช่ความผิดของเขา เป็นความผิดของรัฐบาลเป็นผู้ก่อ นอกจากรัฐบาลไม่ช่วยเขาแล้ว รัฐบาลยังจะมารังแกเขาอีก นอกจากไม่ช่วยมารังแกเขาแล้ว ยังจะมายึดกิจการเขาไปอีก
       
       “คุณประชัย ไม่มีลูก วันๆ แกทำงานทั้งวันทั้งคืน ทีพีไอ คืองานที่แกสร้างขึ้นมาด้วยมือของแกเอง จากที่ไม่มีอะไรเลย สร้างขึ้นมาเพื่อให้คนมาสมรู้ร่วมคิดยึดไป และก็ไปเปลี่ยนชื่อเสียใหม่ แล้วก็ไปนั่งเสวยสุขรับเงินรับทองกันเงินเดือนสูงๆ คนพวกนี้ผมถามว่า มียางอายบ้างหรือเปล่า ผมอยากถามแค่นี้ ผมรู้ว่าคุณประชัยมีบุคลิกที่มีคนไม่ชอบเยอะ แต่ตัดเรื่องบุคลิกทิ้งไป เอาเรื่องความถูกความผิดดีกว่า นี่คือสังคมไทย
       
       “พ่อแม่พี่น้องเห็นหรือยัง สังคมไทยแบบนี้เป็นสังคมไทยที่พวกเราต้องเข้ามาช่วยกันแก้ คุณสุรยุทธ์ ก่อนที่จะมาเป็นนายกฯ ก็รับปากอย่างดิบดี คุณสุรยุทธ์ กับคุณประชัย สนิทสนมกันมาก ร่วมมือกันที่จะโค่นล้มคุณทักษิณ พอคุณประชัยโค่นล้มคุณทักษิณ ก็เพราะว่าต้องการที่จะเอาทีพีไอคืน ผมไม่ตำหนิแก คุณสุรยุทธ์ ต้องการที่จะไล่คุณทักษิณ เพราะตัวเองต้องการเป็นนายกฯ แต่พอตัวเองเป็นนายกฯแล้ว คุณประชัย ก็เหมือนกับทุกยุคทุกสมัย ที่โดนถีบออกไปเหมือนเดิม “
       
       “ผมสบายใจที่ได้พูดเรื่องนี้ ผมไม่เคยจะต้องปฏิเสธว่า ทีพีไอ โพลีน ช่วยเหลือโฆษณาเอเอสทีวี ผมไม่ปฏิเสธ ที่ผมไม่ปฏิเสธเพราะว่า ทีพีไอ คุณประชัยไม่ได้ขายชาติ นอกจากไม่ขายชาติแล้วไม่เคยร่วมมือทรยศต่อชาติเหมือนคนบางคนที่ร่วมมือกับฝรั่งเพื่อมาทำลายค่าเงินบาท คุณประชัยเป็นนักธุรกิจที่ตรงไปตรงมา ผมดีใจที่เขาช่วยผม เพราะอย่างน้อยที่สุดถ้าคุณประชัยไม่ช่วยผมผมก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน ถึงแม้ว่าวัตถุประสงค์อันเดียวกัน ร่วมกันสู้ ผมสู้เพื่อสิทธิอันชอบธรรมของสังคมไทย ผมสู้เพื่อความเป็นธรรมจริยธรรมของสังคมไทย”นายสนธิกล่าว

   
   
 
 
แสดงความเห็นต่อบทความนี้
User :
Pass :
ลืมรหัสผ่าน

 
 
© Copyright 2007 SIAM-SHOP.COM All Rights Reserved.