ฟรี ร้านค้า ออนไลน์ 3.128.203.143 : 25-04-24 8:34:24   
หน้าแรก siam-shop.com ค้นหาร้านค้าสมาชิก
ชื่อสินค้า  
    หมวดสินค้าของเรา            
  
 
Notebook
กระเป๋า
กล้องถ่ายรูป
กวดวิชา ติวเตอร์ ฝึกอบรม
การเกษตร
การเงิน&บัญชี
ก่อสร้าง
ของที่ระลึกจากภาพยนตร์
ความงามและสุขภาพ
คอมพิวเตอร์
จตุคาม
จักรยาน&จักรยานยนต์
ตกแต่ง ซ่อมแซม
ตั๋ว&บัตร
ตุ๊กตา&ของเล่น
ที่ดิน
ที่พัก โรงแรม รีสอร์ท
ท่องเที่ยว
ธนบัตร&เหรียญ ของสะสม
นวนิยาย
บริการถ่ายภาพ
บ้าน
ประกันภัย&ประกันชีวิต
พระ
รถ รถตู้ให้เช่า
รถยนต์ ประดับยนต์
ล้อแม็กรถยนต์
วัตถุมงคล
สัตว์เลี้ยง
สำนักงาน
สินค้า หรือ บริการทั่วไป
หนังสือ
หนังสือการ์ตูน
หนังสือคอมฯ
หนังสือออกใหม่
ห้องซ้อมดนตรี
ห้องพัก หอพัก
อาคารชุด
อาคารพานิชย์
อินเตอร์เนต
อุปกรณ์ เครื่องเขียน แบบเรียน
อุปกรณ์กีฬา
อุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์และของใช้ในบ้าน
เกมส์
เครื่องดนตรี กีตาร์ กลอง
เครื่องดนตรี คีย์บอร์ด เปียนโน
เครื่องถ่ายเอกสาร
เครื่องประดับ
เครื่องใช้ไฟฟ้า
เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย
โชว์ การแสดง
โต๊ะ เก้าอี้
โทรศัพท์&อุปกรณ์เสริม
โทรสาร
โน๊ตเพลง

  สปอนเซอร์ของเรา
   
   
   

คำต่อคำจากปาก!!  

 
คำต่อคำจากปาก!!
 
คำต่อคำจากปาก!! "โย-เอ" รับ ! ตบตีลูกสาวร้านทอง-เป็นนางแบบในรถ"ชนม์สวัสดิ์"
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 26 พฤษภาคม 2550 17:46 น.
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น

2 พี่น้องน้ำตาซึม

โชว์แผลฟกช้ำ

"โย" โชว์เม็สเส็จ

"เอ+จินทส์" แฟนหนุ่ม

"โย-เอ" รับวิวาทกับลูกสาวร้านทองจริงแจงเหตุโดนหาเรื่องก่อนแต่ที่พวกตนทำร้ายอีกฝ่ายก่อนเพราะต้องการป้องกันตัว ลั่นไม่เกี่ยวเรื่องชู้สาว บอกอยากให้คดีจบด้วยการยอมความ 2 พี่-น้องยอมเปิดเผยเป็นนางแบบสาวที่อยู่ในรถของ "ชนม์สวัสดิ์" จริงแต่ที่ฝ่ายชายต้องโกหกเพราะต้องการปกป้องชื่อเสียงให้ สาวโยยันสัมพันธ์ลูกชายนักการเมืองแค่เพื่อน บอก "ตู่ นันทิดา" รู้ความสัมพันธ์นี้ดี พร้อมขอปิดปากกรณี "ชนม์สวัสดิ์" สกรัมตำรวจ
       

       "โย ยศวดี - เอ อัญชลี หัสดีวิจิตร" จัดแถลงข่าวถึงกรณีทะเลาะวิวาทตบตีกับลูกสาวร้านทองชื่อดัง "โม นภัสนันท์" และคดีที่ทั้งคู่ไปเอี่ยวเป็นพยานของนักการเมืองชื่อดัง "เอ๋ ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม" อย่างละเอียดยิบไปแล้วเมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา ที่ร้าน MOOMMAM ห้างเอสพลาหนาดท่ามกลางสื่อมวลชนที่มาทำข่าวเป็นจำนวนมาก
       
       โดยนางแบบสาวโยเริ่มเปิดการแถลงข่าวก่อนว่า...
       
       "วันนี้เอาเป็นทีละลำดับ คือจะให้ไล่จากกรณีวิวาทนางสาวนภัสนันท์ก่อน หลังจากนั้นคำถามอื่นๆ ตามพวกพี่เลย อันไหนตอบได้ก็ตอบ แต่ถ้าอันไหนที่ทำให้เสียรูปคดีก็ขอบอกว่าตอบไม่ได้ แต่จะให้มากที่สุดเท่าที่จะให้ได้"
       
       เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟังก่อน?
       "สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ร้านแอนนาการ์เด้นท์ กรณีวิวาทกับนางสาวนภัสนันท์ หรือว่าคุณโม วันนั้นโยกับเอ และเพื่อนนางแบบอีกหลายคนได้เดินทางไปเที่ยวที่ร้านแอนนา เวลาประมาณ 3 ทุ่มกว่า ก็นั่งทานอาหารก่อน สักพักก็มีเด็กเสิร์ฟมาตามไปรับโทรศัพท์ ก็ทราบว่าเป็นคุณโมโทรมา แล้วจากคำพูดที่จับใจความได้ว่าคุณโมอยู่ในอาการไม่ปกติ คือมึนเมา พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่จับใจความได้ว่ามีปัญหากับพี่สาว"
       
       "โดยเนื้อเรื่องที่คุณโมได้เล่าให้โยฟังพูดตามนี้เลยว่า “ช่วยบอกให้พี่มึงเนี่ยไปไกลๆ เนื่องจากว่าไม่ชอบที่พี่มึงพูดจาไม่เพราะ และเข้าถึงเนื้อถึงตัว เขาบอกว่ 3-4 วันก่อนหน้านี้ ได้เจอคุณเอที่ร้านแอนนากาเด้นท์ แล้วคุณเอได้เข้าไปพูดคุยกับคุณโม แต่เดี๋ยวรอฟังทางคุณเอว่าเขาเจอกันยังไง แต่ที่คุยโทรศัพท์ฟังจนจบ จับใจความได้ว่าคุณเอเข้าไปพูดว่า “ผัวของมึงเนี่ยหล่อมาก ขอเอามาทำผัวได้มั้ย” อันนี้เป็นคำพูดเป๊ะๆ จากคุณโม และตรงกับทางหนังสือพิมพ์ด้วย"
       
       "พอเราฟังปุ๊บก็เลยรู้สึกว่าตรงนี้เป็นเรื่องของคน 2 คน เราต้องถามพี่เราด้วยว่าได้คุยกันจริงหรือเปล่า ก็เลยบอกทางคุณโมว่าใจเย็นๆ เนื่องจากว่าตอนนี้รู้สึกว่าไม่มีสติ เอาเป็นว่าเดี๋ยวจะกลับไปคุยกับทางพี่สาว แล้วก็ค่อยติดต่อกันใหม่ในวันรุ่งขึ้น พอกลับมาถึงโต๊ะก็ถามทันทีว่าเมื่อสักครู่มีคนชื่อโมโทรมา ซึ่งผู้หญิงคนนี้โยเคยเจอเขา 1 ครั้ง นานพอสมควรที่แอนนาการ์เด้น แต่ยังจำหน้าเขาไม่ได้ แต่ทางเอได้เล่าให้ฟังว่าได้เจอจริง เดี๋ยวฟังเอเล่า"
       
       เอ : "สำหรับเอได้เจอกับนางสาวนภัสนันท์หรือคุณโมจริง ประมาณ 2 ครั้ง ไม่เคยมีการสนทนาเป็นการส่วนตัว ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว ที่รู้จักก็เพราะมีคนในกลุ่มแนะนำว่านี่คือคุณโม แล้วก็ทักทายตามประสาผู้หญิง ก็โอเคจบ แล้วที่เขาบอกว่า 3-4 วันที่เขาเคยเจอเอไม่จริง เพราะตั้งแต่เอไปฮ่องกงไม่เคยไปแอนนาเลยประมาณ 10 วัน แล้วก็เจอเขาเป็นเดือนแล้ว แล้วก็ไม่เคยมีเรื่องเบาะแว้ง คนในร้านจะรู้ดีว่าเราไม่เคยทะเลาะ ไม่เคยมีปากเสียงกัน"
       
       "ถ้าเกิดจะมีเรื่องมาถึง ณ ตรงนี้เอเชื่อว่าก่อนหน้านี้คงจะต้องมีปากเสียงกันมาก่อน เขาไม่เคยมีเบอร์โทรศัพท์เอ เอไม่เคยมีเบอร์โทรศัพท์เขา แม้กระทั่งมีเรื่องเขาไม่เคยโทรมาหาเอ ไม่เคยคุยไม่เคยเคลียร์กับเอ เอก็เลยคิดว่าเรื่องนี้ต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิด เอโตเป็นผู้ใหญ่ขนาดนี้แล้ว หน้าที่การงานก็สูง เอคงไม่เอาตัวเข้าไปแลกโดยการพูดจาแบบนั้น เพื่อนๆ คนรอบข้างเอต้องรู้จักนิสัยเอดี พูดแค่นี้เอยังอึกอัก จะให้เอไปพูดจาหยาบคาย เรื่องชู้สาวสำหรับคู่อีกคู่หนึ่ง เอคงทำไม่ได้จริงๆ แล้วเรื่องมึง กู อี ก็ไม่ใช่สำนวนของเอที่ใช้"
       
       จุดเริ่มต้นในการทะเลาะคืนวันที่ 20 ?
       โย : “จุดเริ่มต้นก็พอจบตรงนี้ปุ๊บก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอเคลียร์กับพี่สาวได้แล้วรู้ว่าโอเคเป็นการเข้าใจผิดแน่ๆ ก็นั่งทานข้าวกันต่อ เจ้าของร้านก็ได้นำโทรศัพท์มือถือมา บอกว่าทางคุณโมติดต่อกลับมาอีก แล้วก็จะไม่ยอมท่าเดียวและจะขอเคลียร์ แล้วจะเคลียร์เรื่องอะไรในเมื่อพี่สาวบอกว่าไม่รู้จัก เป็นการเข้าใจผิดหรือเปล่า ทางเจ้าของร้านเองก็ยืนยันว่าควรจะโทรไปเคลียร์กับเขา เพราะกลัวว่าจะมีการทะเลาะวิวาทเกิดขึ้น ก็เลยให้เบอร์โทรศัพท์คุณโมกับโยมา"
       
       "แต่โยก็ตัดสินใจไม่โทร ใช้แมสเสจว่าตอนนี้เคลียร์กับพี่สาวแล้ว ไม่ใช่อย่างที่คุณคิด คงเป็นเรื่องเข้าใจผิด วันนี้ให้คุณโมไปพักผ่อนก่อน วันรุ่งขึ้นค่อยว่ากันอีกที แต่อย่าใช้คำไม่สุภาพ ในแมสเสจชัดเจนมาก และอย่าใช้คำว่า ให้พี่ของโยไปไกลๆ เขา เพราะจากการพูดจาของเขา โยขอให้คุณอยู่ห่างๆ พี่สาวโย อันนี้เป็นสิ่งที่ดีที่สุด สักพักคุณโมก็แมสเสจกลับมาหยาบคายเหมือนเดิมว่า “บอกพี่มึงให้ไปไกลๆ กู มึงไม่รู้ว่าเหรอว่ากูเป็นใคร ถ้าอยากมีเรื่องก็ลองดู”"
       
       "เราก็เลยนั่งคิดกับเจ้าของร้านว่าจะทำยังไงดี โดนหาเรื่องแล้ว แล้วจะมีการทะเลาะวิวาทมั้ย ก็เลยบอกว่าตอนนี้อยู่ที่ร้านแอนนา ถ้าเกิดว่าคุณต้องการอะไรหรือจะเคลียร์อะไรให้มาที่นี่ได้เลย เรารออยู่ตอนนี้ ไม่ได้แมสเสจท้าทายหรืออะไร ไม่คิดว่ามาถึงแล้วจะมีการตบตีกัน คิดว่าคงพูดคุยกันได้ สักพักเขาก็แมสเสจมาว่า “โอเค” เราก็นั่งรอว่าเมื่อไหร่จะมา ถึงเที่ยงคืนแล้วคุณโมเองก็ยังไม่ปรากฏตัว ก็เลยโทรศัพท์ไปถามอีกหนึ่งครั้งยังพูดจาสุภาพเหมือนเดิม"
       
       "แล้วก็มีพยานอยู่ข้างๆ ด้วยว่าคุณโมจะมามั้ย เขาก็บอกว่าอยู่ด้านหน้าแล้ว แล้วก็เปิดประตูเข้ามาเลย ภาพที่เราเห็นคือโยนั่งอยู่ที่เก้าอี้ คุณเออยู่ข้างๆ คุณโมเปิดประตูเข้ามาเดินตรงยังไม่ได้เลย ประคองตัวไม่ได้ แล้วก็ถือแก้วและขวดเบียร์ขวดใหญ่สีเขียวลักษณะแบกเข้ามา (ลุกขึ้นทำท่าประกอบ) สักพักตรงเข้ามาหาพี่สาวโยในลักษณะยกขวดขึ้น ณ ตอนนั้นเราเองเป็นน้องไม่ได้คิดอะไรเลยว่าอะไรจะเกิดขึ้น คิดอยู่อย่างเดียวว่าตีพี่กูแน่นอน ก็เลยตัดสินใจว่าโป้งเข้าหน้าเต็มแรงเลย เป็นหมัดเดียวที่ได้ต่อยเข้าหน้าคุณนภัสนันท์"
       
       "จากนั้นก็ตะลุมบอนกันสองคน เขาก็เข้ามาแล้วโยก็สู้สุดฤทธิ์ ไม่ถึงประมาณ 10 วินาที ก็มีคนมาห้าม ซึ่งตัวโยมีคนจับแยก แต่คุณโมก็พุ่งเข้าหาเอ ณ ตอนนั้นที่เห็น มือเขาจิกหัวพี่สาวโยลงไปอยู่ที่พื้นเลย สองคนจิกกันแน่นไม่ปล่อย เอเขาเป็นคนไม่ตีใคร เพราะฉะนั้นก็เสียเปรียบอย่างเดียวเลย อะไรที่เข้าไปถึงตัวเขาได้ก็พยายามเต็มที่เพื่อจะช่วยพี่เรา แต่เราโดนคนๆ นึงล็อกตัวไว้ให้หยุด สักพักก็มีผู้ชายคนนึงเข้ามาห้ามสองคนโดยแทรกระหว่างกลางคุณเอกับคุณโม ให้แยกออกจากกัน"
       
       "หลังจากนั้นผู้ชายคนนั้นก็ลากคุณโมออกไปหน้าร้าน ทั้งหมดจบลงตรงนั้น แต่ผลสรุปว่าคุณโมให้การว่ามีคนล็อคตัวเขาและเราสองคนรุมทำร้าย แถมมีคนล็อกตัวแฟนเขาด้วย เรื่องจริงๆ คือแฟนเขายืนอยู่เฉยๆ และไม่ได้ทำอะไรเลย อยู่ในอาการมึนเมาเช่นเดียวกัน หลังจากนั้นผู้ชายที่จับตัวคุณโมอยู่ก็บอกว่า คุณแชมป์มาเอาเมียคุณกลับบ้านไป คุณเอก็เดินเข้าไปคุยกับแฟนคุณโม (ส่งต่อให้เอพูดต่อ)"
       
       เอ : “คือเอก็เข้าไปพูดกับเขาว่า พี่คะใช่แฟนโมหรือเปล่า เราเคยคุยกันมั้ย เคยมีเรื่องสนทนาหรือมีปากเสียงกันมั้ย สิ่งที่คุณแชมป์ตอบกลับมาคือไม่มีครับเอ เราไม่เคยรู้จักกัน พี่ต้องขอโทษด้วยที่มามีเรื่องกัน อันนี้ก็มีพยานนะที่ได้ยินคุณแชมป์พูดกับเอแบบนี้ เอก็โอเคจบ ไม่ได้พูดอะไรต่อ”
       
       โย : “เรื่องราวทั้งหมดเนี่ยเรามีพยานหลักฐาน แล้วก็แฟนคุณโมเองเมาแต่มีสติ เพราะทุกคำที่เราพูดไปเขาตอบได้หมด แต่ตัวคุณโมเองโวยวายแถมพูดขู่กับชายคนที่ดึงเขาออกไปว่าจะกลับมาทำการกรีดหน้า ทำลายโฉมโยด้วย”
       
       ยืนยันได้มั้ยว่าไม่มีเรื่องชู้สาวมาเกี่ยวข้อง?
       เอ : “ไม่มีค่ะ ยืนยันด้วยศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงว่าไม่มีเรื่องชู้สาวจริงๆ เอคิดว่าคนเราจะมีเรื่องชู้สาวมันต้องมีมูลมาก่อน ต้องมีมูลมาถึงพวกพี่ๆ แล้วว่าเอหรือใครคนใดคนหนึ่งไปมีเรื่องชู้สาวกับเขา คือเรื่องนี้มันมาจากมูลที่ไม่ใช่ความจริง”
       
       โย : “คืออย่างหนึ่งที่โยคิดว่าถ้าคุณนภัสนันท์ได้พูดกับคุณเอดีๆ ว่าคุณเอเข้าไปถึงเนื้อถึงตัวเขา ใช้คำหยาบคาย หรือพูดถึงแฟนเขาแบบนี้เนี่ย โยว่าคงไม่ใช้ระยะเวลาถึง 10 วันนะในการที่จะโทรติดต่อกลับมา คงต้องเกิดเรื่องวันรุ่งขึ้น โยว่าคงเป็นการมาจากบุคคลอื่นนำเรื่องไปแล้วเกิดความเข้าใจผิด”
       
       เรื่องนี้กระทบกระเทือนอะไรบ้าง?
       โย : “กระทบกระเทือนมาก ทั้งการงานโยและเอ โยไม่ทำงานเลยทั้งอาทิตย์ และไปเกี่ยวข้องกับบุคคลอื่น ซึ่งดึงเขามาให้เขาเดือนร้อนด้วย ตรงนี้ถึงจะพยายามถอนแจ้งความวันนี้โยก็ไม่ทราบว่าจะทำให้ชื่อเสียงเขากลับมาได้หรือเปล่า”
       
       ทำไมคุณโมถึงมีบาดแผลตามตัวเยอะมาก ทั้งที่ เอ กับ โย ไม่ค่อยมีเลย?
       โย : “ยอมรับว่าตอนที่ตีกัน โยไม่ใช้วิธีการตบจิกไม่เป็น ลักษณะการตีเราใช้หมัด ใช้เข่า ค่อนข้างแรง ยอมรับว่าตีเขาแรงมาก แล้วสิ่งที่เขาตีเรากลับมาเราก็มีวิธีป้องกันของเรา แล้วก็ช่วงที่ล้มโต๊ะที่โยนั่งหลุดกระเด็นออกมาเลย เพราะการกระแทกของคนสองคนแรงมาก ตอนที่ต่อยเขาแล้วก็แรงทุบค่อนข้างเยอะ มั่นใจว่าต้องมีรอยบาดแผลแน่นอน แต่อย่างหนึ่งที่ติดใจ เพราะว่าเรื่องมันเกิดขึ้นมาถึง 4 วันให้หลังที่คุณโมแจ้งความ รอยมันสดมาก รอยช้ำอื่นๆ เคยเกิดขึ้นกับตัวเอง สมมติถ้าเราหกล้มหรืออะไรก็ตามจากรอยที่เป็นสีแดง มันควรจะเปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำ แต่รอยนั้นมันเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นในระยะเวลาวันเดียว”
       
       ในเมื่อคิดว่าเป็นฝ่ายที่ถูกกระทำ ทำไมไม่แจ้งความก่อน?
       โย : “ตอนแรกไม่คิดว่าจะมีเรื่อง เท่าที่ฟังดูคือเรื่องราวมันไม่มีอะไร แล้วก็คิดว่าเข้ามาแล้วน่าจะเคลียร์กันจบ เพราะเขาก็เอาแฟนมาด้วย เรายังมั่นใจว่าแฟนเขาน่าจะคุมเขาอยู่ แล้วก็คงไม่มีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้น ไม่ได้คิดจริงๆ”
       
       เอ : “แม้กระทั่งมีเรื่องแล้วเราก็ไม่คิด เพราะอีกอย่างหนึ่งน้องโยก็เป็นคนมีชื่อเสียง อีกอย่างเขาก็เป็นคนที่อยู่ในวงศ์ตระกูลที่มีชื่อเสียงเหมือนกัน เราก็ไม่คิดว่าเรื่องแค่นี้จะทำให้เป็นเรื่องโต จน 3 วันให้หลังเราถึงทราบข่าวแล้วก็คิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แล้ว พอหลังจากนั้นเราถึงนั่งคิดทบทวนอยู่ตลอดเวลาว่าเรื่องมันเกิดจากอะไร”
       
       เรื่องที่ไปหัวหินล่ะ?
       โย : “วันที่สัมภาษณ์คือวันจันทร์ที่มีข่าวออกมาอยู่ที่หัวหินจริงๆ ไปถ่ายรูป แต่ว่าไม่ได้บอกว่าอยู่หัวหินมาทั้งอาทิตย์นะ เพราะว่าตอนนั้นที่เกิดเรื่องยังไม่ทราบว่าจะให้การยังไง เพราะว่ามันมีรูปคดีหลายรูปคดีเหลือเกิน ที่บอกว่ายังให้สัมภาษณ์พี่ๆ นักข่าวไม่ได้ เพราะว่ารอจนถึงวันนี้ค่ะ”
       
       ได้มีการติดต่อกับทางคุณนภัสนันท์บ้างหรือยัง?
       โย : “ทางคุณนภัสนันท์ไม่ได้ติดต่อมาทางเรา แต่ได้มีการติดต่อผ่านคนกลางมา แต่ทางเราเองเนี่ยยอมความได้ ต่อเมื่อความจริงต้องกระจ่างก่อน ไม่ใช่ว่าทางเขาออกมาให้การอยู่ฝ่ายเดียว หรือให้ร้ายเราอยู่ฝ่ายเดียว จะยอมความกันได้ขอยอมความที่สน.ดีกว่า”
       
       หวาดระแรงอะไรบ้างหรือเปล่า?
       โย : “ไม่เลยค่ะ ยอมรับว่าพอข่าวของคุณนภัสนันท์ออกมาแล้วเนี่ย โทรศัพท์ได้ที่รับมาเป็นร้อยสาย เพราะว่าหลายคนที่รู้จักเป็นการส่วนตัวกับคุณโมก็จะเตือนเราว่า อย่ามีเรื่องดีกว่า ถ้ายอมความได้ก็ยอมความ เนื่องด้วยตัวคุณนภัสนันท์ด้วยบุคลิกส่วนตัวทุกคนจะรู้จักดีว่าเป็นยังไง แต่ตัวเราไม่รู้จักมาก่อน เราก็บอกว่าเราไม่ยอมความ ณ ตรงนี้ถ้าเขาแจ้งความเรา เรายอมดีขึ้นโรงพักแล้วแจ้งความกลับแน่นอน”
       
       เรื่องที่เกี่ยวโยงกับคุณชนม์สวัสดิ์อยู่ในเหตุการณ์?
       "เริ่มตั้งแต่แรกเลย คือโยไปที่แอนนาการ์เด้นกับกลุ่มเพื่อนจริง แล้วในนั้นก็มีนางแบบจริงหลายท่าน แล้วก็ได้โทรศัพท์กับคุณชนม์สวัสดิ์จริง ว่าจะนัดเจอกันจริงว่าจะนัดเจอกันที่แอนนาการ์เด้น คุณชนม์สวัสดิ์ก็เดินทางมากับเพื่อนกลุ่มใหญ่เป็น 10 กว่าคน ประมาณ 5 ทุ่มแล้ว ที่แอนนามีอยู่ 2 ชั้น คือชั้นล่างกับชั้นบน ตัวโยกับเพื่อนอยู่ชั้นล่าง พอทานข้าวเสร็จก็มูฟไปอยู่ที่เคาน์เตอร์ตรงจุดเกิดเหตุ ส่วนคุณชนม์สวัสดิ์มาถึงได้ขึ้นไปอยู่ชั้นลอยกับเพื่อนๆ เขา”
       
       “คุณชนม์สวัสดิ์อยู่ในเหตุการณ์จริงค่ะ ตอนที่เจอกันก็ทักทายกันในแอนนา เขาก็กลับไปอยู่กับเพื่อนที่ชั้น 2 ตัวโยเองก็อยู่กับกลุ่มเพื่อนเหมือนเดิม ตรงจุดเกิดเหตุที่เกิดขึ้นมาคุณชนม์สวัสดิ์ได้ลงมาข้างล่าง เนื่องจากได้ยินเสียงดังจากคุณโมว่า “ตกลงว่าคุณจะเอายังไง” เสียงดังลั่นมาก คุณชนม์สวัสดิ์เป็นคนดึงโยออกมา หลังจากนั้นคนขับรถของคุณชนม์สวัสดิ์ถึงได้เข้าไปห้ามให้คุณเอกับคุณโมแยกออกจากกัน พอแยกออกกันได้ปุ๊บ คุณชนม์สวัสดิ์เป็นคนดึงคุณโมออกไปนอกร้าน แล้วก็ตะโกนให้แฟนคุณโมพาตัวคุณโมกลับ"
       
       "หลังจากจบตรงจุดนี้แล้ว เราทั้งหมดและเพื่อนได้ออกจากร้านไปกับคุณชนม์สวัสดิ์จริง แต่ว่าคุณโม ณ ตอนนั้นยังอยู่หน้าร้านก็ได้ชี้หน้าด่าคุณเออย่างหยาบคายว่า “อีกะหรี่มึงจะไปไหน” อันนี้ก็มีพยานหลักฐานหน้าร้านที่เห็นชัดเจนว่าคุณโมยังอยู่ในสภาพเหมือนเดิมที่ไม่ยอมหยุด คุณชนม์สวัสดิ์ เห็นท่าไม่ดีแล้วเลยเรียกทั้งหมดกลับขึ้นรถ แล้วขับรถกลับไปตั้งหลักที่บ้านพักเพชรบุรี พอไปถึงบ้านพักตอนนั้นเสื้อผ้าโยขาดกระจุย เสื้อผ้าที่ใส่เป็นแซ็กท์สีทอง ก็นำเสื้อผ้ามาเปลี่ยนเป็นเสื้อยืด กางเกงขาสั้น ถามว่าบุคคลที่อยู่ในรถ 2 ใน 3 คือเอและโยจริง”
       
       ถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างโยและชนม์สวัสดิ์
       "ความสัมพันธ์ขอย้อนไปนิดหนึ่งนะคะตอนที่โยมีข่าวกับคุณชนม์สวัสดิ์เนี่ยประมาณเดือนก.พ.ตอนนั้นยอมรับว่าไม่ได้รู้จักกันมาก่อนนะคะ รู้จักว่าคุณชนม์สวัสดิ์คือใครแต่ไม่รู้ว่าทำอาชีพอะไร ที่ได้รู้จักกันละพูดคุยกันวันแรลลี่รถที่เซ็นทรัลเวิล์ดเนื่องจากเพื่อนแนะนำว่าคุณชนม์สวัสดิ์คนนี้"
       
       "เคยรู้จักกันมาหลายปีก่อนนะคะและยอมรับว่าได้มีการพูดคุยกันจริงตามที่มีภาพออกมาในสื่อฉบับหนึ่งนั่นเป็นครั้งแรกที่ได้มีการพูดคุย หลังจากนั้นถามว่ามีการติดต่อกันมาตลอดมั้ยมีการติดต่อกันแต่ไม่ได้ทุกวันและไมได้ติดต่อกันฉันท์ชู้สาว ติดต่อเป็นเพื่อนกันตลอดทุกครั้งเดินทางไปไหนมาไหนก็เป็นกลุ่มไม่เคยไปไหนกัน 2 ต่อ 2"
       
       วันที่เกิดเหตุตบตีกันนัดเจอกับชนม์สวัสดิ์อยู่แล้ว ?
       "ค่ะเราไมได้บังเอิญเจอค่ะที่มาเจอกันที่แอนนาการ์เด้นท์แต่คุณชนม์สวัสดิ์มาตอน 5 ทุ่มกว่าแล้ว ตอกย้ำข่าวและภาพมั้ยโยว่าคนยเรามันเป็นเพื่อนกันมันบริสุทธิ์ใจถ้าเกิดเป็นชู้สาวเนี่ยโยว่าน่าจะแอบกว่านี้คงไมได้ต้องการให้สื่อเห็นว่าเราไปไหนด้วยกัน แต่เวลาเราไปไหนมาไหนเนี่ยเรามีเพื่อนไปค่อนข้างเยอะเราถึงไม่กลัวว่าสื่อจะเขียนว่าอย่างไรตอนแรกๆที่สื่อเขียนถึงขนาดว่าบ้านที่ 2ก็ตามแต่ว่าตอนนั้นเราไม่ได้รู้จักกันมาก่อนนั่นคือสิ่งผิดที่คุณจะเขียนแต่ว่าตอนนี้คุณจะเขียนอย่างไรต้องเขียนให้ถูกต้อง"
       
       คุณชนม์สวัสดิ์แต่งงานมีครอบครัวแล้วกลัวคนมองภาพพจน์โยไม่ดีมั้ย ?
       "ตรงนี้เราได้พูดคุยกันว่าอย่างที่บอกว่าทางคุณตู่เองรู้จักโยดีและทราบว่าเราเป็นแค่เพื่อนจึงไม่กลัวว่าใครจะพูดอะไร ถ้าเรา 2 คนคุยกันรู้เรื่องและรู้ว่าเราคบกันในฐานะอะไรเนี่ยโยว่าเราบริสุทธิ์ใจ แต่โยไม่เคยคุยกับพี่ตู่มาก่อนเป็นการส่วนตัว เคยรู้กันแต่ว่าโยเคยเป็นนักร้องของแกรมมี่มาก่อนตั้งแต่โยเด็กๆมากๆ และพี่ตู่ทราบดีว่าคุณชนม์สวัสดิ์คบเราเหมือนเพื่อนและไม่ได้คบเราคนเดียวนะคะ รู้จักทั้งเอและนางแบบอีกหลายคนค่ะ"
       
       ไปเที่ยวไหนกันบ่อยมั้ยกับเอ๋?
       "ไม่บ่อยนะ น่าจะประมาณ 4-5 ครั้งส่วนใหญ่ทานข้าว ที่แอนนาการ์เด้นท์บ้างที่อื่นบ้างแต่วันนี้นเนี่ยเป็นครั้งแรกที่คุณชนม์สวัสดิ์พาเพื่อนๆมาค่อนข้างเยอะด้วสยแลเราก้มีกลุ่มเพื่อนของเราซึ่งไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกัน หลังจากนี้ก็เป็นเพื่อนกันอยุ่แต่ตอนนี้หลายๆอย่างค่อนข้างรุนแรงขึ้นนะเนื่องจากว่ามีความพยายามจะทำให้เป็นรูปคดีที่เกี่ยวเนื่องกัน ตอนนี้ได้ทราบกันแล้วว่ามันไม่เกี่ยวเนื่องกันเลย"
       
       ตอนนี้โย-เอโดนข้อหาอะไรบ้าง?
       "สำหรับโยกับเอโดนแจ้งข้อหาเดียวคือทำร้ายร่างกาย-ทะเลาะวิวาท แน่นอนค่ะเราต้องไปเป็นพยานให้กับคุณชนม์สวัสดิ์ด้วยค่ะตอนนี้เรารอหมายเรียกอยู่"
       
       ขอให้เล่าต่อถึงเหตุการณ์ของคืนที่เกิดเรื่องชนม์สวัสดิ์มีปัญหากับเจ้าหน้าที่ที่ด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ ?
       "วันเกิดเหตุพอมีเรื่องทะเลาะวิวาทเกิดขึ้น เรามีการขึ้นรถคุณชนม์สวัสดิ์จริงรวมทั้งหมด 4คนนะคะ นางแบบ 3 และคุณชนม์สวัสดิ์นะคะ แล้วก็กลับเข้าไปในบ้านแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าเพราะเสื้อผ้าฉีกขาดและตอนนั้นที่ต้องขับรถออกมาอีกครั้งหนึ่งและคุณชนม์สวัสดิ์ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยเพราะว่าโยลืมโทรศัพท์ไว้ที่แอนนา บาร์และในโทรศัพท์มีเบอร์ที่ต้องการติดต่อเพราะมั่นใจว่าเรื่องทะเลาะนี้ต้องไม่จบง่ายๆก็เลยต้องการติดต่อคนในโทรศัพท์นั้นอย่างด่วนมาก"
       
       "และถ้าคุณชนม์สวัสดิดื่มแอลกอฮอล์จริงคงไม่เลือกเป็นคนขับรถแต่เขาเลือกไม่ใช้คนขับรถและได้เดินทางออกทันที ได้คุยกันที่บ้านประมาณ ครึ่งชั่วโมงและได้เปลี่ยนเสื้อผ้ากัน 2 ท่านคือโยและคุณชนม์สวัสดิ์ที่ออกจากบ้านมากัน 4 คนเหมือนเดิม"
       
       "พอไปถึงที่แอนนาก็ได้สวนกับเพื่อนคุณชนม์สวัสดิด้วยแล้วแอนนาได้ปิดแล้วแต่เจ้าของร้านรอเราอยู่เพราะเราต้องการเอาโทรศัพท์คืนเพื่อนคุณเอ๋เนี่ยต้องกลับไปเอารถที่เพชรบุรี เขามาด้วยกันนะคะทางโยกับเอนก็เข้าไปในร้านและคุยกับเจ้าของร้านประมาณ 10 นาทีและได้ขับรถกลับไปที่อู่เพราะว่าบ้านโยอยู่ใกล้มากจนไปเจอด่านเนี่ยเพราะว่ากระเป๋าถือเนี่ยไม่ได้เอาออกมาจากบ้านเลยต้องกลับไปเอาอีกครั้งหนึ่งถึงเจอด่านตรวจ เวลาห่างกันค่อนข้างนานเป็นชั่วโมงไม่ได้ต่อเนื่องกันจากการทะเลาะวิวาท"
       
       ปัญหาเรื่องรุมสกรัมเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างไร
       "คืนนั้นเราอยู่ในเหตุการณ์ตลอดและนั่งอยู่ที่ข้างคนขับ กรณีที่อยู่ในรถนะคะขอไม่ให้สัมภาษณ์ ณ ตรงนี้เพราะว่ามันเกี่ยวกับรูปคดี"
       
       "โยว่าตอนนี้คงได้ทราบกันบ้างแล้วเพราะเมื่อคืนได้ออกรายการไปบ้างแล้วที่ไอทีวี โยว่าเรื่องจริงคือเรื่องจริงและการยอมความอยุ่ที่คุณโมแล้ว แล้วถ้าเขาจะไม่ถอนแจ้งความเราก็จะดำเนินคดีไปต่อ ถ้าเกิดถอนแจ้งความโยยอมค่ะประชาชนจะได้รู้ว่าอันไหนเรื่องจริงอันไหนไม่ใช่เรื่องจริง โยเป็นคนไม่ชอบหาเรื่องคนนะคะเราเลยยอมความได้ หนังสือพิมพ์ลงหน้า 1หลายครั้งหลายคราว่านางแบบโหด นางแบบฉาว ณ ตรงนี้ไม่ติดใจเลยเพราะเข้าใจว่าเป็นการเข้าใจผิดแต่สิ่งที่ออกแถลงข่าววันนี้คืออยากให้ประชาชนรู้ว่าเรื่องจริงคือเรื่องอะไร"
       
       "ถามว่าที่โยทำลงไปเป็นการป้องกันตัวเองมั้ย ไม่ได้ป้องกันตัวเองด้วยเราป้องกันพี่สาวเรา และโยมั่นใจอีกอย่างหนึ่งด้วยว่าเขาจะเอาขวดตีพี่เราเราถึงทำ โยเริ่มก่อนค่ะยอมรับค่ะ"
       
       มาแถลงข่าววันนี้คิดว่าช้าไปมั้ยเพราะเมื่อคืนได้ไปออกรายการแล้ว ?
       "คือจริงๆที่ไปออกไอทีวีเนี่ยต้องการที่จะเชิญพี่ๆมาวันนี้ด้วยและในรายการเมื่อวานที่พุดถึงคุณชนม์สวัสดิ์ไม่ได้เนื่องจากว่าเมื่อเช้านี้คุณชนม์สวัสดิ์ได้ไปตามหมายเรียกที่สน.มักกะสันและได้ส่งรายชื่อของพยานที่อยู่ในรถเราเลยจำเป็นต้องรอจนถึงตอนนี้ค่ะ ต้องรอให้คุณเอ๋ให้การเสร็จตอน 10โมงเช้าก่อนค่ะ"
       
       ทุกคนติดต่อโยหมดทุกสื่อทำไมเลือกที่จะไปรายการของกิตติรายการเดียวทำไมไม่ให้สัมภาษณ์พร้อมกันทีเดียว?
       "ที่ไปออกไอทีวีเมื่อคืนเพราะด้วยเป็นรายการด้วยคือไอทีวีติดต่อมาก่อนค่อนข้างบ่อยมากและคุณกิตติได้ติดต่อมาทางเราก็แค่คุยคร่าวๆส่วนเนื้อหลักๆได้อยู่ที่วันนี้หมดแล้ว โยไม่ได้คิดว่าจะต้องไปรายการนั้นก่อนทำไมจะต้องไปรายการนี้ก่อน โยไมได้เลือกรายการนะ พี่สื่อต้องเข้าใจโยว่าใจโยอยากให้มันเป็นไปตามลำดับเท่านั้นเอง"
       
       จากนี้ทำอะไรต่อไป ?
       "ตอนนี้ก็คงรออย่างเดียวคือหมายเรียกตัวมาก่อน จากสน.ทองหล่อว่าให้เข้าพบเมื่อไหร่ ก็ต้องไปพร้อมกันทั้ง 2 คนน่ะค่ะ อีกคนไม่ขอยากขอเอ่ยชื่อค่ะเพราะต้องเป็นพยานหลักฐานในรถด้วยค่ะขออุบชื่อไว้ก่อนค่ะ"
       
       ความสัมพันธ์กับชนม์สวัสดิ์จากนี้ไป ?
       "โยคงพัฒนาไม่ได้นะคะอย่างที่รู้กันคุณชนม์สวัสดิ์มีครอบครัวโยคงไปอยู่ในฐานะอะไรเนี่ยต้องคุยกันให้รู้เรื่องก่อนตอนนี้เข้าใจว่าสื่อต้องเขียนไปทำนองชู้สาวหลังจากนี้นะคะแต่คือยืนยันว่าความสัมพันธ์เป็นแค่เพื่อนกัน ไม่มีการพัฒนามากไปกว่านี้แน่นอนค่ะ"
       
       ได้มีการติดต่อกับพี่ตู่ นันทิดาบ้างมั้ย?
       "โยว่าจริงๆไม่เกี่ยวอะไรเลยกับพี่ตู่นะคะ มีสื่อบางสื่อพยายามที่จะไปสัมภาษณ์..แต่ โยขอร้องเลยดีกว่าในเรื่องว่าอย่านำคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องเพราะครอบครัวนี้ค่อนข้างแข็งแรงและมีภาพดีด้วยโยค่อนข้างเป็นห่วงในเรื่องของภาพนี้มาก ยังไงขอให้เขียนในเรื่องที่โยมีเรื่องราวอยู่ตอนนี้ดีกว่าอย่าโยงไปเกี่ยวกับคนอื่นดีกว่าค่ะ "
       
       เนื่องจากสาวเอพาแฟนหนุ่มชาวลัทเวียมาร่วมแถลงข่าวด้วยสื่อจึงถามว่าแฟนหนุ่มของเอรู้เรื่องนี้หรือไม่ ?
       เอ : "ก่อนหน้านี้เวลาเอไปเที่ยวเขาจะอยู่ด้วยตลอดและเขาก็ไม่เคยเห็นเอจะไปมีเรื่องหรือพูดคุยอะไรกับใครมากมาย แต่วันที่เกิดเหตุแฟนเอไม่อยู่เขาไปต่างประเทศแต่ที่เขากลับมาก็เพราะเรื่องนี้ เขารับรู้หมดทุกอย่างค่ะ"
       
       "มีอยู่อย่างหนึ่งที่เอขอไว้คืออยากให้พี่ๆลองฟังความทั้ง 2 ข้างตัดสินใจดูว่าเรื่องควรจะเป็นไปในทางรูปไหนอย่าเพิ่งให้ผิดกับเอกับโย เพราะว่า เราอยู่ตรงนี้มานานแล้วก็ทำงานวงการนี้ไม่อยากเอาชื่อเสียงเราไปแลก ยังไงขอให้พี่สนใจบ้างนะคะ.. (ร้องไห้) และก็ต้องรู้ว่าเอกับโยไม่เคยหาเรื่องใคร"
       
       โย : "อีกอย่างตำแหน่งหน้าที่การงานเอเนี่ยค่อนข้างสำคัญและก็เป็นตำแหน่งที่ไม่ใช่เล็กๆนะคะ กระทบเรื่องงานของเขามากพอสมควรและวันนี้เจ้านายเขาก็มานั่งให้กำลังใจด้วย อยากให้ความเป็นธรรมกับเขานิดหนึ่ง"
       
       โย : "ตอนนี้โยแข็งแรงนะคะแล้วก็ตัวคุณแม่เองไม่ได้มาเพราะว่าไม่สบาย ค่อนข้างป่วยมากจากข่าวที่เกิดขึ้นเพราะคำถามพูดหนึ่งอะไรจะเกิดขึ้นก็ตามเราพร้อมสู้ด้วยกันแล้วก็จะพูดต่อมา เนี่ยจะพูดพร้อมคุณแม่ค่ะ"
       
       เอ : "ก็คุณแม่โทรมาให้กำลังใจตลอดเขารู้ว่าเราเป็นคนยังไง แต่เขาเป็นห่วงเพราะว่าเราเป็นผู้หญิงทั้ง 2 คนจากคนหลายๆฝ่ายมีโทรศัพท์มาขู่มาขอชื่อเอกับโยมีคนทั้งหวังดีและหวังไม่ดีนะคะ ไม่ได้โทษทางฝ่ายตรงข้ามนะคะแต่มันอาจจะมีฝ่ายทางอื่นมาทำให้เรื่องมันใหญ่โตขึ้น เอก็ขอให้ยุติแค่นี้เถอะเพราะทางบ้านคุณแม่กับคุณยายไม่รู้เรื่องถ้ามีอะไรก็ขอให้มาคุยกับเอและโยเองดีกว่า"
       
       "งานการเอแย่เลยตั้งแต่มีเรื่องโดยตอนนี้เอทำงานเป็นโปรดิวเซอร์ ออร์แกไนซ์เซอร์ ของบริษัท Fever Gangster นายเอแทบจะไม่สบายเพราะว่างานหนักมาก เออยากยุติเพราะว่าเอต้องทำงานหาเลี้ยงตัวเอง และน้องๆในบริษัทเขาอยากให้เอกลับไปช่วยเคลียร์งานแม้กระทั่งนายเอก็ให้ความเห็นใจ หากเรื่องนี้ยุติเอกลายเป็นผู้ร้ายเอก็คงไปประชุมกับผู้ใหญ่ไม่ได้ ทั้งนี้เอขอความาเป็นธรรมกับพี่ๆตำรวจและหนังสือต่างๆด้วย"
       
       คนภายนอกมองโย-เอด้วยสายตาแบบไหน?
       โย : "ก็มีทั้ง2กลุ่มนะคะกลุ่มที่เขาเข้าใจการทะเลาะวิวาทเป็นเรื่องปกติ แต่เราเป็นคนที่มีชื่อเสียงเราเสื่อมเสีย แล้วก็ไมได้มีใครได้ มีแต่เสียและเสียอย่างเดียวนะคะ เราไม่ใช่ไม่ยอมรับว่าเราไม่ผิด เรายอมรับว่าเราผิดเต็มประตูเพราะถ้าเราไม่ใช้อารมณ์ตัดสินเรื่องมันจะง่ายมากขึ้น แต่ทั้งนี้ที่ทำไปไม่ได้ต้องการให้เกิดเรื่อง สิ่งที่ทำทั้งหมดจากภาพที่เห็นคือต้องการป้องกันตัว"
       
       "และอยากขออยากกล่าวอีกเรื่องนะคะที่ทำไมเรื่องต้องปล่อยให้ยาวนานก็เพราะว่าเกี่ยวเนื่องมาจากพยานหลักฐานที่คุณชนม์สวัสดิ์ไม่ยอมเปิดเผยชื่อบุคคลในรถเพราะปกป้องชื่อเสียงปกป้องไม่ให้เราไปเกี่ยวข้องกับเรื่องของเขา ทำให้เรื่องมันยืดเยื้อมาถึงทุกวันนี้ ยอมรับว่าตรงนี้เราอยากให้เรื่องจบลงโดยดีนะคะ อยากให้รู้ว่าความยุติธรรมคืออะไรคนบริสุทธิ์คืออะไรเรื่องมันถึงมาถึงตรงนี้"
       
       เอ : "เอว่าผู้หญิงทุกคนต้องมีการทะเลาะวิวาทแต่จากสาเหตุอะไรต้องมาตรึกตรองให้ดี จากคำกล่าวหาถ้าเราตัดสินใจไปแล้วมันทำให้หลายคนเดือดร้อนมากจริงๆ"
       
       โย : "ตัวโยและเอเองก็ไม่ใช่เด็กๆแล้วมีการมีงานทำ เราต้องหาคนมารับผิดชอบซึ่งจะรับผิดชอบร่วมกันหรือยังไงเนี่ยต้องอยู่ที่ทางตำรวจและทนายด้วย"
       
       โย : "ขอพูดเรื่องผมของคุณโมนะคะที่บอกว่าโดนดึงผมไป 1 กระจุกเนี่ยมาจากการแรงดึงของเอ อัญชลีจริงๆน่ะค่ะคุณโมคงต้องใช้เวลาเก็บค่อนข้างนานทีเดียวเพราะว่าแรงดึงของเอเนี่ยโยมั่นใจว่าแรงสู้เขาไม่ได้แน่นอน แล้วเขาดึงผมเอเนี่ยเอเจ็บมากนะคะ แต่จำนวนผมเนี่ยที่ออกมาต้องตรวจดูว่าโดนดึงออกมานานแค่ไหนแล้วต้องตรวจดีเอ็นเอค่ะ"

   
   
 
 
แสดงความเห็นต่อบทความนี้
User :
Pass :
ลืมรหัสผ่าน

 
 
© Copyright 2007 SIAM-SHOP.COM All Rights Reserved.