|
สนุกสนานกับการดูจิตรกรรมฝาผนังได้ทุกที่ | |
| ทุกครั้งที่ได้เข้าไปกราบพระในอุโบสถหรือวิหารของวัดใดก็ตามแต่ ภายในอุโบสถหรือวิหารนั้น สิ่งที่จะได้เห็นเสมอๆ นอกจากพระประธานอันเป็นหลักของโบสถ์วิหารแล้ว ก็คือ "งานจิตรกรรมฝาผนัง" เรียกว่าแทบทุกวัดก็จะต้องมีจิตรกรรมเหล่านี้ประดับอยู่ ต่างตรงที่ว่าจะวาดเป็นเพียงลวดลายหรือเล่าเป็นเรื่องราวเท่านั้น โดยหน้าที่แล้ว จิตรกรรมฝาผนังนั้นก็จะช่วยเติมเต็มพื้นที่ว่างบนผนัง อีกทั้งยังเป็นการตกแต่งผนังให้สวยงามด้วยสีเส้นและลวดลาย ดังที่จุลภัสสร พนมวัน ณ อยุธยา ประธานชมรมสยามทัศน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ กล่าวถึงบทบาทหน้าที่ของจิตรกรรมฝาผนังว่า หลักๆ ก็คือการประดับผนังให้สวยงาม แต่เมื่อมาวาดจิตรกรรมฝาผนังภายในศาสนสถาน ภาพเหล่านั้นจึงใช้เป็นเครื่องมือสอนศาสนาด้วย ดังนั้นภาพที่เขียนก็มักจะเกี่ยวกับพระพุทธเจ้า พุทธประวัติ หรือปริศนาธรรม เพราะคนฟังธรรมอาจเข้าใจไม่ชัดเจน แต่พอมีภาพประกอบก็จะช่วยให้สามารถเข้าใจได้ง่ายขึ้น ไม่เพียงแต่เราจะได้เรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาจากจิตรกรรมฝาผนังเท่านั้น แต่ในจิตรกรรมฝาผนังแทบทุกแห่งก็ยังมีการสอดแทรกวิถีชีวิตของผู้คนในสมัยนั้นให้ได้ชมกันด้วย โดยจุลภัสสรกล่าวว่า เราจะเห็นวิถีชีวิต สังคมจากภาพจิตรกรรมฝาผนังได้ เช่นจะได้เห็นการแต่งกายของผู้คน ลักษณะของอาคารบ้านเรือน ถนนหนทาง อะไรต่ออะไรในภาพจิตรกรรมฝาผนัง ซึ่งมันก็สะท้อนสังคมในยุคนั้นๆ ที่จิตรกรเขียนขึ้น คือสามารถมองสังคมผ่านภาพเขียนได้
|
|
ภาพเชิงสังวาสในวัดบางยี่ขัน (จากหนังสือ:เชิงสังวาส กามรูปในภาพเขียนตามประเพณีที่มีเกี่ยวกับวรรณคดีไทย) | |
| "ในการดูจิตรกรรมฝาผนังนั้น เราจะต้องจับให้ได้ว่าเรื่องนั้นเป็นเรื่องอะไร ซึ่งภาพที่เป็นเหตุการณ์สำคัญในเรื่องช่างก็จะเลือกมาเขียนก่อน ส่วนองค์ประกอบอื่นๆ ก็จะลดความสำคัญลง จึงจะเห็นว่าเราไม่ต้องดูทั้งผนัง ให้ดูกลุ่มภาพที่เป็นจุดสนใจ อย่างเช่นเรื่องพระมหาชนก เราก็ดูตรงที่เรือแตก ซึ่งจิตรกรก็จะเขียนเรื่องราวเป็นลำดับต่อกันไป ไม่กระโดด แต่สิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็คือรายละเอียดปลีกย่อยที่ช่างสอดแทรกเข้าไป เป็นอารมณ์ขันของช่างแต่ละคน" จุลภัสสร กล่าว และอารมณ์ขันเหล่านี้เอง ที่แทรกอยู่ในจิตรกรรมฝาผนังแทบจะทุกแห่ง เพราะฉะนั้น ในครั้งนี้แทนที่เราจะดูจิตรกรรมฝาผนังกันแบบเอาเรื่อง ก็ขอเปลี่ยนมาเป็นการหาจุดเล็กๆ น้อยๆ และขำๆ ในภาพจิตรกรรมฝาผนังกันดีกว่า อีโรติกกับจิตรกรรมเชิงสังวาส สำหรับคำว่า "เชิงสังวาส" นั้น เป็นการถอดคำโดยประยูร อุลุชาฎะ หรือ น. ณ ปากน้ำ ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) โดยแปลมาจากภาษาอังกฤษว่า Erotic Art ซึ่งเป็นภาพวาดที่แสดงถึงการร่วมประเวณี หรือภาพที่สื่อออกไปในทางนั้น
|
|
หากก้มดูที่ด้านล่างของประตูพระอุโบสถวัดโพธิ์ก็จะเจอรูปนี้ | |
| นิวัติ กองเพียร ได้เขียนหนังสือเรื่อง "เชิงสังวาส กามรูปในภาพเขียนตามประเพณีที่มีเกี่ยวกับวรรณคดีไทย" กล่าวถึงเรื่องภาพวาดเชิงสังวาสในงานจิตรกรรมไทยไว้ว่า "...ไม่ว่างานศิลปะแบบไหน นายช่างไทยก็มักมีอารมณ์อันบรรเจิดเพริศพริ้ง ทำงานศิลปะและคิดฝันถึงความงามความสนุกสนานไปด้วยเพื่อผ่อนคลายอารมณ์และอาภรณ์ที่ร้อยรัดร่างกาย เรื่องสองแง่สามง่ามตลกโปกฮาถือเป็นเรื่องบันเทิงในการพูดคุยหรือเพิ่มสีสันให้แก่งานศิลปกรรม เรื่องเพศรสดูเหมือนจะเป็นเรื่องเอกเอาไว้พูดคุย ซ่อนเร้นไว้กับงานศิลปะ..." ภาพจิตรกรรมฝาผนังเชิงสังวาสนั้น หากดูกันจริงๆ แล้วก็จะพบเห็นได้ในหลายๆ แห่งด้วยกัน เช่นบนฝาผนังวิหารพระพุทธไสยาสน์ในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือวัดโพธิ์ ซึ่งภาพจิตรกรรมฝาผนังเหล่านี้ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จิตรกรวาดขึ้น บนผนังระหว่างช่องหน้าต่างเขียนเรื่องพระสาวิกาเอตทัคคะ (ภิกษุณี) 13 องค์ อุบาสกเอตทัคคะ 10 ท่าน และอุบาสิกาเอตทัคคะ 10 ท่านด้วย ด้านบนเหนือหน้าต่างขึ้นไป เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และมหาวงศ์พงศาวดารลังกาทวีป ส่วนบนคานเหนือเสา เป็นเรื่องราวของ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์
|
|
ภาพแนวอีโรติกบนฝาผนังในวิหารพระพุทธไสยาสน์วัดโพธิ์ | |
|
| สำหรับผู้ที่ได้เดินชมก็คงจะสามารถชมได้เฉพาะบริเวณผนังระหว่างช่องหน้าต่างเท่านั้น และหากดูไปเรื่อยๆ ก็จะพบกับภาพที่มักจะแอบอยู่ตามขอบตามมุม หรือตามสุมทุมพุ่มไม้ เช่นรูปที่อยู่บริเวณด้านหลังพระนอนใกล้กับประตูทางออก เป็นภาพของชายหญิงกำลังหยอกล้อกันอยู่ด้านหลังศาลา และมองไปในหน้าต่างของห้องด้านหลัง ก็จะเห็นชายหญิงอีกคู่หนึ่งอยู่ใกล้ชิดกันภายในห้องด้วยท่วงท่าที่สามารถคิดไปได้ไกล หรือภาพเชิงสังวาสที่เห็นได้ชัดเจนกว่าก็คือภาพจากวัดบางยี่ขัน ซึ่งในหนังสือเรื่องเชิงสังวาสฯ ของนิวัติ กองเพียรกล่าวว่า หากเข้าไปในอุโบสถวัดแห่งนี้แล้วหันหน้าเข้าหาผนังทางซ้ายมือห่างจากประตูไม่ไกลนัก เมื่อแหงนหน้าขึ้นไปเล็กน้อยก็จะได้เห็นภาพของชายหญิงกำลังเสพสังวาสบนศาลา นิวัติกล่าวถึงรูปนี้ว่า "เป็นภาพที่วางองค์ประกอบได้งดงามมาก รวมทั้งการให้สีที่กลมกลืนออกหวานได้บรรยากาศแห่งการสังวาส..." อีกตัวอย่างหนึ่งของนิวัติ กองเพียร ก็คือภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วัดหนองยาวสูง จังหวัดสระบุรี เป็นจิตรกรรมฝาผนังฝีมือช่างพื้นบ้าน เป็นรูปพราหมณ์หนุ่มกำลังจู๋จี๋กับเมียสาว โดยมีเด็กน้อยผ่านมาเห็น และทำท่าทางไร้เดียงสาด้วยการยกมือขึ้นปิดตาแบบเปิดดูข้างหนึ่งอย่างไม่ตั้งใจ จนกลายเป็นเรื่องสนุกสนานเป็นธรรมชาติไปได้ ภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังในภาคอีสาน หรือภาพเขียนล้านนาในภาคเหนือเองก็มีภาพเชิงสังวาสเช่นกัน หรือพูดให้ถูกก็คือภาพเชิงสังวาสนี้มีอยู่ทั่วไปในทุกที่นั่นเอง อยู่ที่ใครจะตาดีมองเห็นเท่านั้น
|
|
เชิงสังวาสของสัตว์ (จากหนังสือ:เชิงสังวาส กามรูปในภาพเขียนตามประเพณีที่มีเกี่ยวกับวรรณคดีไทย) | |
| สารพัดสรรพสัตว์บนจิตรกรรมฝาผนัง ภาพการเสพสังวาสในจิตรกรรมฝาผนังไม่ได้มีแต่มนุษย์อย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีภาพเชิงสังวาสในสัตว์อีกด้วย เช่นที่บานประตูบานหนึ่งในพระอุโบสถของวัดโพธิ์ ซึ่งเป็นการประดับมุกบนประตูไม้เป็นลวดลายของดอกไม้ใบไม้ และสัตว์ตัวเล็กๆ น้อยๆ อย่างลิง กระรอก หรือนก หากดูเผินๆ ก็จะเห็นว่าลวดลายกลมกลืนกันงดงามดี แต่หากใครได้นั่งลงมองอย่างตั้งใจที่ด้านล่างของบานประตูก็จะเห็นว่าช่างก็ยังไม่วายใส่อารมณ์ขันด้วยการให้ลิงตัวผู้จับหางของลิงตัวเมียยกขึ้นและทำท่าทางทะลึ่งตึงตังกับตัวเมีย หรืออีกภาพหนึ่งที่นิวัติ กองเพียรเขียนไว้ให้อ่านในหนังสือเชิงสังวาสฯ โดยไม่ได้ระบุชื่อวัด แต่รูปนั้นเป็นการเสพสังวาสของสัตว์อย่างม้าหนุ่มกับม้าสาว แต่ที่พิสดารกว่าในรูปเดียวกันนั้นก็คือ มีลิงที่พยายามจะเสพสังวาสกับกระต่ายด้วย นิวัติกล่าววิจารณ์ลิงตัวนั้นว่า เป็นการแสดงอำนาจทางเพศที่จะจับสัตว์ที่อ่อนแอกว่า และสนุกสนานในความเจ็บปวดของผู้อื่น
|
|
การแข่งชักเย่อของบรรดาลิง ในวัดพระแก้ว | |
| ส่วนภาพของเหล่าสัตว์ที่ไม่ใช่เชิงสังวาสแต่เป็นเชิงตลกขบขันก็มีมากเช่นกัน เช่นในวัดพระแก้วก็มีภาพจิตรกรรมเรื่องกระต่ายกับเต่า นิทานที่เราๆ รู้จักกันดี ภาพวาดให้เห็นการท้าแข่งวิ่งระหว่างกระต่ายกับเต่า ภาพที่กระต่ายวิ่งแซงเต่าไปไกล และพักหยุดนอนหลับนานเสียจนเต่าคลานแซงไปได้ จนในที่สุดเต่าก็เป็นผู้ชนะ ยืนถือธงแสดงความเป็นผู้ชนะ ขณะที่ปากยิ้มร่าชูมือขึ้นแสดงความดีใจเต็มที่เรียกรอยยิ้มจากผู้ชมได้ หรือจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับมด ที่วัดอัมพวันเจติยาราม ในจังหวัดสมุทรสงคราม ที่เป็นมดคิดสั้น ถึงกับผูกคอตายกับต้นมะม่วงและบนยอดหญ้า โดยมดตัวที่ผูกคอตายนั้นมีเรื่องพูดกันเล่นๆ ว่ามันคงจะน้อยใจที่ต้นมะม่วงถูกตัดไปเยอะเมื่อตอนที่สร้างวัด จนถึงกับไปผูกคอตาย แต่จริงๆ แล้วก็คงเป็นอารมณ์ขันของช่างเขียนรูปเสียมากกว่า ขำกลิ้งลิงกับยักษ์ในวัดพระแก้ว ภาพจิตรกรรมฝาผนังในพระระเบียงที่วัดพระแก้ว ถือเป็นภาพจิตรกรรมฝาผนังที่ยาวที่สุดในโลก เรื่องราวของมหากาพย์รามเกียรติ์ถูกบันทึกลงบนพื้นผนังทั้ง 178 ห้อง เรียงต่อกันไปตลอดทั้งสี่ด้าน
|
|
|
มดผูกคอตาย ที่วัดอัมพวันฯ สมุทรสงคราม | |
| หากพูดถึงเรื่องราวและฝีมือของจิตรกรบนผนังแล้วก็ถือว่างดงามเป็นอย่างยิ่งไม่แพ้วัดอื่นๆ และสำหรับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่เป็นอารมณ์ขันของช่างวาดนั้นนับว่ามีเหลือเฟือไม่แพ้กัน ดังเช่นภาพในห้องที่ 114 ในตอนที่ราชาภิเษกพิเภกครองกรุงลงกา และพระราม นางสีดา และพระลักษณ์ ประทับแรมในสวนขวัญ ตอนล่างของรูปภาพจะเป็นรูปบรรดาลิงกำลังเล่นชักเย่อกันอยู่กับคน ทั้งคนทั้งลิงต่างก็ออกแรงดึงเชือกกันสุดแรงเกิด และมีกรรมการกำลังคอยลุ้นว่าฝ่ายใดจะชนะอย่างใจจดใจจ่อ ส่วนในห้องที่ 122 ในตอนพระรามสร้างเมืองให้หนุมาน ในด้านล่างของภาพก็มีลิงที่เป็นพ่อค้าแม่ขายกำลังอ้าปากตกใจและวิ่งหนีกันล้มลุกคลุกคลานกระจาดกระจายเพราะเทศกิจลิงกำลังมาไล่ที่ ส่วนใกล้ๆ กันก็เป็นลิงแก่ตัวเมียท่าทางมีเงินไม่ใช่น้อยนั่งอยู่บนรถลากที่เรียกว่ารถเจ๊ก กำลังชี้ไม้ชี้มือไปในกำแพงเมืองดูทีว่าจะให้สารถีลากรถไปส่งให้ถึงจุดหมาย ดูน่าขันไม่ใช่น้อย ฝ่ายยักษ์เองก็ใช่ย่อย ในห้องที่ 51 ตอนสุครีพรับอาสาไปหักฉัตรทศกัณฑ์ สุครีพทำเหล่านางยักษ์ตกอกตกใจถึงกับหงายหลังหล่นลงมาจากฉัตรเสียหลายตน บ้างก็ใช้ขาเกี่ยวขาที่ยึดเหนี่ยวได้ทัน แต่ผ้านุ่งผ้าถุงก็ถลกขึ้นมาเสียจนเห็นไปถึงไหนต่อไหน บางตนโชคดีผ้าถุงไปเกี่ยวกับแง่งไม้เอาไว้ไม่ทันตกพื้น แต่ก็อยู่ในลักษณะที่น่าขำทั้งสิ้น และในตอนของการสู้รบระหว่างยักษ์กับลิงหลายตอนก็มีอารมณ์ขันของช่างมากมาย เช่นยักษ์สู้ลิงไม่ได้ ถูกลิงดึงถลกผ้านุ่งจนต้องวิ่งหนีมีสองมือปิดของสงวนไว้ก็มี หรือจะเป็นภาพน่ารักๆ ของลูกชายตัวน้อยที่วิ่งไปกราบสวัสดีพ่อก่อนที่พ่อจะไปออกรบ และอีกมากมายหลายตอนด้วยกันในวัดพระแก้วนี้ที่เป็นภาพวาดจากอารมณ์ขันและความคิดสร้างสรรค์ของจิตรกร หากใครมีเวลาว่างก็ต้องลองไปเดินชมดูให้ทั่วทั้ง 178 ห้อง รับรองว่าเรียกรอยยิ้มได้แน่ๆ
|
|
ลูกชายมาส่งพ่อที่กำลังจะไปรบ ภาพน่ารักๆ ที่วัดพระแก้ว | |
| แปลกใหม่ กับจิตรกรรมฝาผนังไทย ปกติแล้วเรามักจะเจอภาพจิตรกรรมฝาผนังแบบที่เรียกว่าเป็นจิตรกรรมไทยประเพณี มีลวดลายแบบไทยเป็นลายกนก เน้นเส้นโค้ง ผู้คนบนภาพวาดก็มีหน้าตาแบบเดียวกันคือคิ้วโค้งโก่ง ปากเป็นกระจับ มือไม้ดูอ่อนพลิ้วเหมือนรำละคร แต่จิตรกรรมฝาผนังในวัดโพธิ์ชัย หรือที่รู้จักกันดีในชื่อวัดหลวงพ่อพระใส ที่จังหวัดหนองคาย กลับมีรูปแบบในการเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังที่ต่างออกไป ภายในอุโบสถวัดโพธิ์ชัยนี้ เป็นภาพจิตรกรรมสมัยใหม่ ที่เล่าถึงตำนานของหลวงพ่อพระใส พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองหนองคาย และนอกจากนั้นก็ยังมีภาพประเพณีวิถีชีวิตของชาวอีสาน ซึ่งเป็นภาพในยุคปัจจุบันที่เราพบเห็นกันอยู่ทั่วไป เช่นภาพของการฉายหนังกลางแปลง มีจอฉายหนัง ลำโพงขนาดใหญ่ มีผู้ชมนั่งดูอยู่หน้าจอ ภาพการเล่นน้ำสงกรานต์ ภาพการแห่พระขึ้นหลังรถกระบะเพื่อให้ประชาชนสรงน้ำ เรียกได้ว่าเป็นภาพที่เล่าถึงความเป็นไปในปัจจุบันได้อย่างเหมือนจริง และในอนาคตต่อไปข้างหน้า หากบ้านเมืองรวมทั้งความเป็นอยู่เปลี่ยนแปลงไป ภาพจิตรกรรมที่วัดโพธิ์ชัยแห่งนี้ก็จะสามารถเล่าเรื่องราวในอดีตได้อย่างชัดเจนแน่นอน
|
|
กระต่ายกับเต่า นิทานที่เราๆ รู้จักกันดี ในวัดพระแก้ว | |
| แต่สำหรับความแปลกใหม่ หรือจะเรียกว่าเป็นจิตรกรรมฝาผนังที่พิสดารที่สุดนั้น คงต้องยกให้กับวัดร่องขุ่น ในจังหวัดเชียงราย ผลงานอลังการงานสร้างที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ คนส่วนใหญ่ที่เข้ามากราบพระภายในอุโบสถนั้นก็มักจะชื่นชมกับภาพจิตรกรรมฝาผนังซึ่งเป็นภาพของพระพุทธรูปองค์ใหญ่แลดูสว่างไสวที่เบื้องหลังพระประธาน แต่เมื่อหันมองกลับไปดูที่พื้นผนังด้านหลังฝั่งตรงข้ามพระประธาน ก็จะพบว่ามีสิ่งพิสดารพันลึกอยู่ที่นั่น ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์อุลตร้าแมน สัตว์ประหลาด ตึกเวิล์ดเทรดเซ็นเตอร์ รองเท้าคอนเวิร์ส และแม้แต่คีนู รีฟ ในบทบาทของนีโอ จากภาพยนตร์เรื่อง เดอะ แมทริกซ์!! ภาพวาดเหล่านี้มาจากฝีมือบรรดาลูกศิษย์ของอาจารย์เฉลิมชัยเอง โดยตั้งใจจะสื่อให้เห็นถึงสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในยุคปัจจุบันนั่นเอง
|
|
ภาพจิตรกรรมฝาผนังแสดงเรื่องราวในยุคปัจจุบันที่วัดโพธิ์ชัย หนองคาย | |
| ภาพเชิงสังวาสและภาพจิตรกรรมน่าสนใจที่กล่าวมาข้างต้นถือเป็นส่วนหนึ่งของงานจิตกรรมฝาผนังแปลกๆที่มีซุกซ่อนอยู่ตามวัดต่างๆมากมายทั่วฟ้าเมืองไทย บางคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องไม่สมควร ในประเด็นนี้จุลภัสสรแสดงความคิดเห็นว่า การที่จิตรกรวาดภาพเชิงสังวาสหรือภาพแปลกต่างๆ บนจิตรกรรมฝาผนังนั้นไม่ใช่เรื่องถูกผิดหรือไม่ใช่เป็นการลบหลู่ แต่เป็นการแสดงอารมณ์ และเป็นภาพสะท้อนในทางศาสนา ทางปรัชญาด้วย เรื่องของประเวณี หรือเรื่องเพศสัมพันธ์ในงานจิตรกรรมไทย ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งไม่ใช่แค่ของไทยอย่างเดียว แต่ในภาพสลัก ภาพปูนปั้น ภาพเขียนบางแห่งของฝรั่งก็มีเช่นกัน ก็ถือเป็นความสนุกของช่างที่เขาใส่เข้าไป อีกทั้งการวางตำแหน่งภาพเหล่านี้ก็ไม่ได้วางไว้ในตำแหน่งหัวใจของภาพ แต่จะวางเป็นตัวประกอบของภาพ จะแทรกอยู่ตามขอบตามมุม หรืออยู่ในที่ที่ต้องสังเกตจริงๆ จึงจะเห็น และจิตรกรเองก็ไม่ได้วาดในเชิงอนาจาร แต่วาดในเชิงงานศิลป์ "ในส่วนของภาพแปลกๆ ที่แทรกอยู่ในจิตรกรรมฝาผนัง ถามว่าผิดแบบแผนของเก่าหรือไม่ จริงๆ แล้วน่าจะเรียกว่าเป็นพัฒนาการมากกว่า เพราะหลังๆ มานี้ช่างจะใช้จินตนาการในการสร้างงานหลากหลายมากขึ้น เหมือนกับที่เราเห็นในงานศิลปะสมัยใหม่ การเขียนจิตรกรรมตามขนบประเพณีนั้นถูกปรับเปลี่ยนเพราะช่างไปเรียนรู้วิทยาการใหม่ๆ มา ทั้งในเรื่องของเทคนิควิธีการเขียน การใช้สีใช้เส้น รวมทั้งเรื่องของจินตนาการทางช่างด้วย เราคงห้ามไม่ได้ว่าภาพจิตรกรรมต้องคงตามขนบเดิมทุกประการ เพราะแม้แต่เทคนิคการเขียนก็ยังเปลี่ยนไป ความคิดก็ต้องมีเปลี่ยน การแสดงออกก็เปลี่ยน เป็นพัฒนาการมากกว่า ทุกอย่างมีเกิดขึ้นก็ต้องมีเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย ในอนาคตก็อาจจะมีอะไรพิสดารไปกว่านี้อีก อาจจะเป็นภาพจิตรกรรมฝาผนังแบบแอบสแทร็กท์ไปเลยก็ได้" จุลภัสสร กล่าว อย่างไรก็ตาม ภาพจิตรกรรม "ขำๆ" ที่นำเสนอมานี้ นับเป็นเพียงตัวอย่างส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลากหลายอารมณ์ขันของจิตรกร นักวาดจิตรกรรมซึ่งแอบซ่อนอยู่อีกมาก ใครที่อยากชมก็ต้องลองไปด้อมๆ มองๆ ดูตามขอบตามมุมของภาพวาด เรียกว่างานนี้ใครตาดีได้ (ดู) ตาร้ายก็อด (ดู) กันไป
|