จับแล้วมือฆ่าสาวฮอนด้า ที่แท้แฟนเก่าฝ่ายชาย!

โดย ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์

18 พฤษภาคม 2550 17:24 น.

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น น.ส.ไพวรินทร์ ศรีลาศัย ผู้ต้องหา ให้ปากคำกับพล.ต.ต.วิทยา ถึงสาเหตุที่ลงมือสังหาร ตำรวจคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ฉุดกระชากกันบริเวณหน้าประตูห้องน้ำ โดยไม่รู้ว่าแทงไปกี่แผล ใช้เข็มขัดมัดเท้าผู้ตาย น.ส.วนิดา นวลศรี ผู้เสียชีวิต ตำรวจจับกุมแล้ว คดี “แรงหึงอาฆาตแค้น” ฆ่าสาวพนักงานฮอนด้า คาอพาร์ตเมนต์ เป็นแฟนเก่าชายเจ้าของห้อง กลับไปพบข้าวของเครื่องใช้บาดตาบาดใจ จึงอยู่รอ แต่สาวฮอนด้าชะตาขาดกลับมาถึงห้องก่อน เลยเกิดปากเสียงทะเลาะวิวาท ฉุดกระชากลากถูกันไปมา โดยไม่รู้ตัวว่า แทงคู่กรณีไปกี่แผล                วันนี้ (18 พ.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น.ที่ สน.บางชัน พล.ต.ต.วิทยา โกสิยะสถิต ผบก.น.4 พ.ต.อ.สันติ แสงเพ็ญจันทร์ ผกก.สน.บางชัน ร่วมกันสอบปากคำ น.ส.ไพวรินทร์ ศรีลาศัย อายุ 24 ปี อาชีพขายปลาสวยงามที่หมู่บ้านรัตนาธิเบศร์ ต.บางเสาธง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี โดย น.ส.ไพวรินทร์ ถูก พ.ต.ท.สุรเดช พจนาวษ์พานิช สว.สส.และฝ่ายสายสืบ สน.บางชัน จับกุมตัวได้เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ เนื่องจากตกเป็นผู้ต้องสงสัยใช้อาวุธมีดสังหาร น.ส.วนิดา นวลศรี พนักงานของบริษัท ฮอนด้า สาขานวมินทร์ จนเสียชีวิตภายในห้องเลขที่ 619 ชั้น 6 อาคารแคทลี แมนชั่น ตั้งอยู่ใกล้ซอยเสรีไทย 71 ถนนเสรีไทย แขวงและเขตคันนายาว กทม.เมื่อค่ำวานนี้ (17 พ.ค.) แล้วหลบหนีไป                จากการสอบปากคำ น.ส.ไพวรินทร์ ให้การว่า ได้คบหากับ นายวรภัทร์ โรจน์รัตนานนท์ พนักงานในเต็นท์รถมือสอง แฟนหนุ่ม มาได้ประมาณ 7 ปี แต่เพิ่งมาระหองระแหง และห่างหายแยกจากกันได้ประมาณ 2 เดือน ในวันเกิดเหตุ ตั้งใจจะเดินทางไปหา นายวรภัทร์ จึงได้โทรศัพท์ไปหา แต่ นายวรภัทร์ ไม่รับสาย จึงได้โทรศัพท์ไปหาเพื่อนนายวรภัทร์ จนทราบว่า นายวรภัทร์ไปไดร์กอล์ฟ จึงเกิดความคิดว่า จะไปนั่งรอที่ห้อง แต่ได้แวะเข้าร้านสะดวกซื้อ เพื่อซื้อเบียร์ 1 ขวด และสปาย 2 ขวด ไปดื่มรอที่ห้อง เนื่องจากเคยไปมาหาสู่กันเป็นประจำ แต่เมื่อไปถึงอพาร์ตเมนต์ และมองขึ้นไปที่ระเบียงห้อง พบตุ๊กตาตั้งวางอยู่ ซึ่งเป็นที่ผิดสังเกต และเชื่อว่า ตุ๊กตาดังกล่าวน่าจะเป็นของหญิงสาวที่อาจจะมาอยู่กับนายวรภัทร์ก็เป็นได้                น.ส.ไพวรินทร์ ให้การต่อว่า เมื่อขึ้นไปอยู่ที่หน้าห้อง 619 แล้ว ไม่สามารถที่จะเปิดประตูเข้าไปได้ จึงได้ลงมาขอกุญแจสำรองจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยปฏิเสธ โดยแจ้งว่า ต้องรอให้เจ้าของห้องกลับมาเสียก่อน จากนั้นจึงได้ขึ้นไปนั่งรอที่บริเวณบันไดหนีไฟ ระหว่างชั้น 5 กับชั้น 6 เมื่อนั่งไปได้สักพัก จึงกลับขึ้นไปที่ประตูห้องอีก และกระแทกประตูอย่างแรง จนประตูห้องเปิด จึงเข้าไปภายในห้องได้ แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไปถึง ก็พบสิ่งของบาดตาบาดใจ ทั้งเสื้อผ้าผู้หญิง ของใช้สอย และรองเท้าผู้หญิง ด้วยความโมโห จึงได้ทำลายข้าวของทั้งหมด โดยนำมีดมากรีดรองเท้า ผ้าห่ม และผ้าปูที่นอนจนได้รับความเสียหายทั้งหมด                น.ส.ไพวรินทร์ ให้การอีกว่า ได้เดินทางมารอ นายวรภัทร์ ตั้งแต่เวลา 18.00 น.จนกระทั่งประมาณเวลาเกือบ 20.00 น. น.ส.วนิดา ผู้ตาย จึงเดินทางมาถึงที่ห้องก่อน ซึ่งได้สอบถามไปว่า เป็นใคร จากนั้น ให้ น.ส.วนิดา โทรศัพท์ไปหา นายวรภัทร์ ซึ่งนายวรภัทร์ก็รับสายทันที ทำให้ตนโกรธมากที่เมื่อตนโทรศัพท์ไป แต่ นายวรภัทร์ ไม่ยอมรับสาย ครั้น น.ส.วนิดา ซึ่งเป็นหญิงอื่น โทรศัพท์ไป กลับรับสาย และระหว่างที่ น.ส.วนิดา พูดคุยโทรศัพท์อยู่กับนายวรภัทร์ นั้น น.ส.วนิดา ได้ตะโกนคำว่า “ช่วยด้วยๆ” ออกมา ทำให้ตนตกใจ จึงรีบไปคว้ามีดมาไว้ในมืออีกครั้ง จากนั้นได้เกิดปากเสียงกับ น.ส.วนิดา บริเวณหน้าประตูห้องน้ำภายในห้อง และเกิดฉุดกระชากกันไปมา เมื่อได้จังหวะ จึงผลัก น.ส.วนิดา ให้ล้มลงกับพื้น โดยไม่รู้ตัวว่า ได้ใช้มีดแทง น.ส.วนิดา ไปแล้วกี่แผล เห็นเพียงเลือดที่ไหลออกมาทางแขนของ น.ส.วนิดา เท่านั้น โดย น.ส.วนิดา ล้มลงในสภาพคว่ำหน้ากับพื้น                “เมื่อเขาล้มคว่ำหน้าลงกับพื้น ดิฉันได้ใช่เข็มขัดมามัดเท้า และใช้ถุงเท้ามามัดแขนไพล่หลังไว้ จากนั้นได้ใช้โทรศัพท์ของผู้ตาย โทร.ไปหานายวรภัทร์ พร้อมกับบอกให้นายวรภัทร์รีบกลับมาที่ห้อง เพื่อต้องการให้นายวรภัทร์กลับมาดูใจ น.ส.วนิดา แต่ก็ได้รับคำตอบจากนายวรภัทร์ ว่า “มึงอยู่ด้วยกัน 2 คนนั่นแหละ กูไม่กลับ” หลังจากนั้น จึงเข้าไปล้างมือ และล้างมีดในอ้างน้ำ พร้อมทั้งวางมีดทิ้งไว้ และด้วยความโมโห ดิฉันยังโยนเสื้อผ้าของผู้ตายไปกองไว้ในห้องน้ำด้วย จากนั้นจึงออกจากห้อง และหลบหนีลงไปทางบันไดหนีไฟ จนกระทั่งตำรวจมาจับกุมตัวได้เมื่อเช้า” น.ส.ไพวรินทร์ ให้การ                หลังสอบปากคำเสร็จ พล.ต.ต.วิทยา กล่าวกับ น.ส.ไพวรินทร์ ว่า ผู้ต้องหากระทำความผิดด้วยอารมณ์ชั่ววูบ อีกทั้งยังดื่มของมึนเมา ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นน่าจะพูดจากันด้วยเหตุผลมากกว่า แต่เมื่อผู้ต้องหาก่อคดีแล้ว ก็ต้องรับโทษตามกฎหมาย                ต่อมา พล.ต.ต.วิทยา พ.ต.อ.สันติ และ พ.ต.ท.ธีรพงษ์ เผดิมผล พนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.บางชัน ร้อยเวรเจ้าของคดี พร้อมฝ่ายสืบสวนคุมตัว น.ส.ไพวรินทร์ เดินทางไปยังอพาร์ตเมนต์ที่เกิดเหตุ เพื่อทำแผนประกอบคำรับสารภาพตามจุดต่างๆ เริ่มจากจุดที่ล้างมือ จุดที่วางมีด จุดที่ทะเลาะกันหน้าประตูห้องน้ำ จุดที่ไปขอกุญแจกับ รปภ.โดยมีประชาชนพากันมามุงดูเป็นจำนวนมาก แต่ก็ไม่ได้เกิดเหตุวุ่นวายแต่ประการใด ซึ่งหลังทำแผนเสร็จสิ้น ตำรวจได้คุมตัว น.ส.ไพวรินทร์ ไว้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป                แรงหึงอาฆาตแค้น จับสาวฮอนด้ามัดเท้า-ปิดปาก แทงอกดับคาแมนชั่น